ผู้สำเร็จราชการเครือรัฐออสเตรเลียเยือนไทยครั้งแรกในรอบ 7 ปี 13-17 ก.พ.นี้

13 ก.พ. 2567 | 10:00 น.

ผู้สำเร็จราชการเครือรัฐออสเตรเลียและภริยา เดินทางถึงไทยแล้ววันนี้ (13 ก.พ.) ณ ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 สานสัมพันธ์ไทย-ออสเตรเลีย ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ 13-17 ก.พ. 2567 ซึ่งเป็นการเยือนครั้งแรกในรอบ 7 ปี  

 

พลเอก เดวิด เฮอร์ลีย์ ผู้สำเร็จราชการแห่งเครือรัฐออสเตรเลีย และนางลินดา เฮอร์ลีย์ ภริยา มีกำหนดเดินทาง เยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของรัฐบาล ระหว่างวันที่ 13 - 17 กุมภาพันธ์ 2567 ตามคำเชิญของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี

การเดินทางเยือนไทยของผู้สำเร็จราชการเครือรัฐออสเตรเลียครั้งนี้ ถือเป็นการเยือนของผู้นำระดับสูงของออสเตรเลียในรอบ 7 ปีและเป็นการเยือนครั้งแรกในฐานะผู้สำเร็จราชการ อีกทั้ง พลเอกเดวิด เฮอร์ลีย์ ยังเป็นพระสหายในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งทรงศึกษา ณ วิทยาลัยวิชาการทหารดันทรูน เครือรัฐออสเตรเลียอีกด้วย

ในโอกาสการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการครั้งนี้ ผู้สำเร็จราชการฯ และภริยา มีกำหนดการที่สำคัญ ได้แก่

  • การเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี และเข้ารับพระราชทานเลี้ยงอาหารค่ำ ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง ซึ่งนับเป็นเวลาได้ 49 ปีมาแล้ว ตั้งแต่เมื่อครั้งที่ผู้สำเร็จราชการฯ ศึกษาร่วมชั้นกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่วิทยาลัยการทหารดันทรูน ณ กรุงแคนเบอร์รา
  • การพบหารือกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ณ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นสำคัญต่าง ๆ ในความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี ได้แก่ ด้านการทหาร การศึกษา และการค้า ความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนถือเป็นหัวใจสำคัญในความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างออสเตรเลียและไทย และจะเข้าร่วมงานเลี้ยงรับรองอาหารกลางวันอย่างเป็นทางการซึ่งนายกรัฐมนตรีและภริยาเป็นเจ้าภาพ
  • ช่วงเย็นของวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ผู้สำเร็จราชการฯ จะจัดงานเลี้ยงต้อนรับแขกประมาณ 200 ท่าน เพื่อเฉลิมฉลองศิษย์เก่าออสเตรเลียทั้งในแวดวงด้านการทหารและพลเรือน

พลเอกเดวิด เฮอร์ลีย์ ผู้สำเร็จราชการเครือรัฐออสเตรเลียและภริยา ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

  • การเข้าถวายสักการะสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริยนายก ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ทั้งนี้ ในช่วงทศวรรษ 1970 สมเด็จพระสังฆราช ฯ ทรงเผยแผ่พระพุทธศาสนาในออสเตรเลีย และเคยประทับอยู่ ณ วัดธัมมธโร ณ กรุงแคนเบอร์รา อีกด้วย

  • นอกจากนี้ วันที่ 16 ก.พ.ผู้สำเร็จราชการฯ และภริยายังมีกำหนดการเยือนจังหวัดเชียงรายเพื่อเยี่ยมชมพระตำหนักดอยตุง ที่ประทับของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี, สวนแม่ฟ้าหลวง และโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ  โดยต้นแมคคาเดเมียออสเตรเลียถูกนำมาปลูกที่ดอยตุงในช่วงทศวรรษ 1980 โดยสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเป็นผู้ปลูกแมคคาเดเมียต้นแรก ทางคณะยังจะเยี่ยมชมโครงการการเสริมสร้างความสามารถในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศ กรณีศึกษาพื้นที่ลุ่มแม่น้ำอิง และเยี่ยมชมวัดร่องขุ่นด้วย

การเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของผู้สำเร็จราชการฯ ในครั้งนี้สะท้อนถึงความสัมพันธ์และมิตรภาพอันแน่นแฟ้นระหว่างประเทศไทยและเครือรัฐออสเตรเลีย ในระดับต่าง ๆ นับตั้งแต่พระบรมวงศานุวงศ์ ระดับรัฐบาล และระดับประชาชน อีกทั้งยังเป็นโอกาสในการกระชับและส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคีที่มี ระหว่างกัน ในฐานะหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเศรษฐกิจ และด้านสังคมและวัฒนธรรม ให้มีพลวัตสืบต่อไป

พิธีต้อนรับ ณ ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6

สำหรับรายละเอียดโดยย่อของ สถานที่ดูงานของผู้สำเร็จราชการออสเตรเลีย ระหว่างวันที่ 14 – 16 กุมภาพันธ์ 2567 กรุงเทพมหานคร และจังหวัดเชียงราย มีดังนี้ 

14 ก.พ. 2567

นิทรรศการศิลปหัตถกรรม เป็นนิทรรศการที่จัดขึ้นบริเวณโถงกลางของตึกสันติไมตรี แสดงงานศิลปะที่ทำจากมือซึ่งเป็นอัตลักษณ์ของไทย เช่น การแกะสลักผลไม้ การตอกแผ่นโลหะ เครื่องประดับโลหะเงิน เป็นต้น

15 ก.พ. 2567

วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นเอกชนิดราชวรวิหาร สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 มีลักษณะผสมระหว่างสถาปัตยกรรมไทยกับสถาปัตยกรรมตะวันตก คือ ลักษณะภายนอกเป็นสถาปัตยกรรมไทย ส่วนภายในออกแบบตกแต่งอย่างตะวันตก วัดราชบพิธฯ นับเป็นพระอารามหลวงสุดท้าย ที่พระมหากษัตริย์ทรงสร้างตามโบราณราชประเพณีที่มีการสร้างวัดประจำรัชกาล อีกทั้งยังเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชถึง 3 พระองค์รวมถึงพระองค์ปัจจุบัน และเป็นที่ตั้งของสุสานหลวงแห่งเดียวในกรุงเทพมหานคร

16 ก.พ. 2567

โครงการพัฒนาดอยตุง เป็นโครงการพัฒนาที่สนองแนวพระราชดำริของ สมเด็จพระศรีนคริน ทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จย่า เพื่อพัฒนาพื้นที่บนดอยสูงในเขตอำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงรายที่เดิมเป็นจังหวัดหัวโล้น ผู้คนในพื้นที่เข้าไม่ถึงสาธารณูปโภคพื้นฐานและขาดความรู้ด้านการเกษตร จึงทำให้หันไปประกอบอาชีพผิดกฎหมาย ปลูกและค้าสิ่งเสพติดขายให้กองกำลังชนกลุ่มน้อย โครงการนี้มุ่งพัฒนาพื้นที่บนดอยตุงด้วยการปลูกพืชเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างงานและสร้างรายได้ระยะยาวที่มั่นคงให้แก่ประชาชนในพื้นที่