30 สิงหาคมนี้ “สภากลาโหม” หรือ “คณะกรรมการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพล” ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาการแต่งตั้งผู้นำเหล่าทัพกันในรอบสุดท้าย หลังจากการประชุมสภากลาโหมในเดือน กรกฎาคม-สิงหาคม 3-4 ครั้ง ที่ผ่านมา ไม่ได้ข้อยุติ ทั้งในส่วนของ “ผู้นำเหล่าทัพ” และ “4เสือ” ในแต่ละเหล่าทัพ
จากปลายเดือนกรกฎาคม มาถึงต้นเดือนสิงหาคม มาสู่ 16 สิงหาคม มาเป็น 25 สิงหาคม จนมาถึง30 สิงหาคม 2564 โจทย์ยังคงแก้ไม่ตก
6 กรรมการ สภากลาโหม ที่นอกเหนือจากนายกฯตู่ ประกอบด้วย 1. “บิ๊กช้าง” พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม 2. “บิ๊กณัฐ” พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม 3.“บิ๊กแก้ว” พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด. 4. “บิ๊กบี้” พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) 5. “บิ๊กอุ้ย” พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ(ผบ.ทร.) 6.”บิ๊กแอร์” พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผู้บัญชาการทหารอากาศ(ผบ.ทอ.) โดยมี พล.อ.วรวิช มลาสานต์ เจ้ากรมเสมียนตรา เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
ตำแหน่งหลักที่แก้ปมไม่ตกคือ “ผบ.ทร.” ที่โดนแรงเหวี่ยงจากตำแหน่ง “ปลัดกระทรวงกลาโหม” ที่มีการโยก “พล.อ.วรเกียรติ์ รัตนานนท์” เสนาธิการทหารบก มาดำรงตำแหน่ง ทำให้ต้องหาตำแหน่งที่เหมาะสมให้ “บิ๊กเฒ่า” พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย รองปลัดกลาโหม (อัตราพลเรือเอก พิเศษ) ซึ่งอาวุโสสูงสุดอยู่
ความจริง พล.ร.อ.สมประสงค์ ที่เติบโตในการรับราชการในถิ่นกองทัพเรือมาตลอด กระทั่งติดยศ "พลเรือเอก" ในตำแหน่ง "ที่ปรึกษาพิเศษ ทร." จนเมื่อตุลาคม 2562 พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร.ขณะนั้น ได้ผลักดัน พล.ร.อ.สมประสงค์ ออกนอกกองทัพเรือ ข้ามไปรับตำแหน่ง รองปลัดฯกลาโหม (อัตราพลเรือเอกพิเศษ) เนื่องจากต้องการวางตัว พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน จาก ผช.ผบ.ทร. ให้ขึ้นเป็น "ผบ.ทร." เพื่อสานต่อโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำ แถมตอนนั้น พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร.คนก่อน หน้าก็ได้วางทายาท”นาวี1” เอาไว้ถึง 3 คน เข้ามาก็จบ
ทว่า ตอนนี้ พล.ร.อ.สมประสงค์ นั่งในเก้าอี้ "รองปลัดกลาโหม" มาครบ 2 ปี ถือเป็นผู้อาวุโสสูงสุดในศาลาว่าการกลาโหม เหมาะที่จะขึ้นตำแหน่ง "ปลัดกลาโหม" แต่ตำแหน่งดังกล่าว "กองทัพบก" ยึดโควตาไว้ ไม่ยอมปล่อยให้"ทหารเรือ-ทหารอากาศ" ขึ้นมาครองเก้าอี้
จึงจำเป็นต้องผลักดัน “บิ๊กเฒ่า” พล.ร.อ.สมประสงค์ กลับไปเส้นทางเดิม คือ “ผบ.ทร.” ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ เท่ากับว่า “บิ๊กโต้ง-พล.ร.อ.ธีรกุล กาญจนนะ”ตัวเก็ง ผบ.ทร.จะ”ตกม้า”ซึ่งผู้นำทหารในราชวังเดิมไม่ยอม
นี่คือปมใหญ่ของความเห็นที่แตกต่างสุดขั้วที่ไม่ลงตัว และจะถกกันต่อ ในวันที่ 30 สิงหาคมนี้.เพราะทหารเรือไม่ยอมหงออีกต่อไป
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เสียงจากทหารเรือแห่งพระราชวังเดิมบอกว่า “ทหารเรือเคยมีบาดแผลลึก” จากการโยกย้ายนายทหารเรือ “อัตราจอมพล” ที่ถูกส่งพ้นกองทัพเรือให้หวนกลับมานั่งเป็นผู้บัญชาการทหารเรือในยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร มาแล้วครั้งหนึ่ง ผลที่ตามมาคือ ทหารเรือเชื้อไทยใจแกล้วกล้า ต่างแตกกันยับ จนยากสมานแผลอย่างยาวนาน เพราะมีการสกัดกั้นนายทหารคนสำคัญที่มีการวางตัวไว้ให้ “หล่นตกท่อ” ยาวไปถึง 4-5 รุ่น
สมัยนั้น ทร. เกิดความขัดแย้งภายใน ผสมกันกับ ทักษิณ มีการตั้ง “พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร” เป็นผู้บัญชาการทหารบก และพล.อ.ชัยสิทธิ์ จะผลักดัน “พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์” ขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด จึงมีการย้ายฟ้าผ่ากลางพระราชวังเดิมให้ “บิ๊กอุ๊”พล.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์. ที่ถูกโยกไปนั่งเป็น รองผู้บัญชาการทหารสูง มาร่วมปีได้กลับมาเป็น ผบ.ทร. ไม่เอาโผ พล.ร.อ.สามภพ อัมระปาล
ผลที่ตามมาคือ พล.ร.อ.สถิตพันธุ์ เพื่อนวปอ.ทักษิณ ครองตำแหน่ง ผบ.ทร.ยาวตั้งแต่ปี 2548-2551 ดับฝันนายทหารเรือไปจำนวนมาก ก่อนส่งไม้ต่อไปให้ พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ เมื่อ ตุลาคม2551-2554
วงจรของผู้นำทัพของทหารเรือจึงแตกเป็นเสี่ยงๆ เพราะในรอบ 6-7 ปี มีผู้นำสูงสุดของทหารเรือเพียงแค่ 2 คนที่ขึ้นถึงจอมทัพ แถมเป็นการข้ามรุ่นแบบยาว กล่าวคือ พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เป็นนายทหารรุ่น ตท.6 ส่วน พล.ร.อ.กำธร เป็น ต ท.รุ่น 10 ข้ามหัวยาวไป 4-5 รุ่น
แผลลึกแบบนี้แหละ ที่ทำให้เสียงเล็ดรอดออกมาจากกองบัญชาการกองทัพไทยบอกว่ากันว่า ตอนนี้ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่แม้ไม่ได้เป็น1 ใน7 สภากลาโหม แต่ยังทรงสถานะ “ที่ปรึกษาพิเศษรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม”ได้หาทางออกไว้แล้วหากไม่ลงตัว ก็จะโยก พล.ร.อ.สมประสงค์ ไปนั่งตำแหน่ง “จเรทหารทั่วไป” ที่เป็นอัตราจอมพลเดิม สายการบังคับบัญชาขึ้นตรงกับ “รมว.กลาโหม” ลดแรงเสียดทานจากพระราชวังเดิม....อันนี้ต้องลุ้นถึงฎีกา
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ทหารในถิ่นพระราชวังเดิมรับทราบกันแล้วว่า พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผบ.ทร. ได้จัดส่งบัญชีผู้นำกองทัพเรือไปถึงมือ "พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม" แล้ว ด้วยการเสนอชื่อ "บิ๊กโต้ง" พล.ร.อ.ธีรกุล กาญจนะ เสธ.ทร. (ตท.21) ขึ้นเป็น "ผบ.ทร." หากโผรายชื่อออกมาเช่นนี้ จะทำให้ "บิ๊กโต้ง" จะนั่งเป็น "แม่ทัพเรือ" คนแรกของ ตท.21 และจะอยู่ในตำแหน่ง 2 ปี บริหารกองทัพเรือยาวถึงปี 2566
ลึกลับจากพระราชวังเดิม เสียงจากทหารเรือร้องลั่นกันทั้งลำน้ำ “Boat Ahoy ...เปิดโบกหมวก ชูมือ ทักทาย "ไชโย ไชโย โบ้ต อะโฮย" ว่า “บิ๊กอุ้ย” พล.ร.อ.ชาติชาย ยืนยันว่าได้จัดตำแหน่ง “ 4 ฉลาม ทร.” ต่อจาก นาวี 1 ไว้ทั้งหมดไปเรียร้อยแล้ว ใครเป็นใครน่าจะไม่ผิดไปจากนี้....
ฉลาม2. นำโดย "บิ๊กปู" พล.ร.อ.สุทธินันท์ สมานรักษ์ ผบ.กองเรือยุทธการ (ตท.22) หนึ่งในแคนดิเดต ผบ.ทร.ที่ตีคู่มากับ “บิ๊กโต้ง”พล.ร.อ.ธีรกุล แถมยังเกิดวัน/เดือน/ปี เดียวกัน 20 ธันวาคม 2505 เกษียณพร้อมกันปี 2566 ซึ่งทั้ง2คนต่างมีสัญญาใจชายชาติทหารเรือว่าจะสนับสนุนกันและกันไม่ว่าใครขึ้นเป็นผู้นำทัพ รอบนี้จึงขยับขึ้นเป็น รอง ผบ.ทร.
พล.ร.อ.ภราดร พวงแก้ว ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทร. (ตท.21) ขึ้นเป็น ประธานคณะที่ปรึกษา ทร. พล.ร.อ.ทรงวุฒิ บุญอินทร์ (ตท.22) ผช.ผบ.ทร. จะถูกโยกไปเป็น รองปลัด กลาโหม หรือ รอง ผบ.ทสส.
ฉลาม 3 บิ๊กบู่’ พล.ร.ท.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ (ตท.21) รอง เสธ.ทร ได้เป็น ผช.ผบ.ทร. ฉลาม 4 ’บิ๊กโก’ พล.ร.ท.โกวิท อินทร์พรหม (ตท.23) ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 (ทรภ.1) นายทหารคนสนิท ‘บิ๊กลือ’ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ อดีต ผบ.ทร. ขยับเป็น เสนิธิการทหารเรือฉลาม 5 พล.ร.ท.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 (ผบ.ทรภ.3) ตท.22 ขึ้นเป็น ผช.ผบ.ทร. ฉลาม 6 พล.ร.ท.ไกรศรี เกษร ผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรือ (ตท.20) ขึ้นเป็น ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ (ผบ.กร.)
นอกจากนี้ “บิ๊กอุ้ย” ยังได้วางตัว ทายาทกองทัพเรือยาวไปถึง2568-2569 นายทหารเหล่านี้ถือว่า เป็นฉลามหนุ่ม สายแข็งที่ต้องแสดงฝีมือเพื่อรับไม้ต่อ”นาวี1”ในอนาคต
พล.ร.ท.เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์ รอง เสธ.ทร. (ตท.23) อดีตเจ้ากรมยุทธการทหารเรือ สไลด์เป็น รอง ผบ.กองเรือยุทธการ รอขึ้น ฉลามทร. พล.ร.ท.วุฒิชัย สายเสถียร รอง เสธ.ทร. (ตท.22) ขยับเป็น ผบ.ร.ร.นายเรือ พล.ร.ท.สุวิน แจ้งยอดสุข รองหัวหน้า ฝสธ.ผบ.ทร. (ตท.25) เป็น ผบ.ฐานทัพเรือสัตหีบ คนนี่ถือว่า เป็น ฉลามหนุ่มสายแข็งโป้ก
พล.ร.ต.สรไกร สิริกรรณะ รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (รองผบ.นย.) ตท.21 ขึ้นเป็น ผู้บัญชาการนาวิกโยธิน ที่ถือเป็นสายแข็ง
พล.ร.ต.พิชัย ล้อชูสกุล เจ้ากรมช่างโยธาทหารเรือ (ตท.24) ข้ามเป็น ผู้บัญชาการทัพเรือ ภาคที่ 1 (ผบ.ทรภ.1) พล.ร.ต.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ (ตท.23) รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 เป็น ผู้บัญชาการทัพเรือ ภาคที่ 2 (ผบ.ทรภ.2) พล.ร.ต.อาภากร อยู่คงแก้ว รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 (ตท.24) ขึ้นเป็น ผู้บัญชาการทัพเรือ ภาคที่ 3 (ผบ.ทภร.3)
แต่ถ้าเกิดพลาดพลั้งผิดฝาผิดตัวจากการแต่งตั้ง ผบ.ทร.ในรอบนี้ที่เปลี่ยนเกมจาก”บิ๊กโต้ง”พล.ร.อ.ธีรกุล มาเป็น “บิ๊กเฒ่า” พล.ร.อ.สมประสงค์ เมื่อไหร่ 5ฉลาม ทร.ตลอดจนฉลามหนุ่มที่ถูกวางตัวไว้ เปลี่ยนแปลงใหม่อีกคราแน่นอน
พ้นจาก ทหารน้ำมาดูข้อสรุปของโผล่าสุดในกองทัพอากาศ แม้ท้องฟ้าทุ่งดอนเมืองจะอึมครึมมาพักใหญ่ แต่ตตอนนี้ชัดแล้วว่า “บิ๊กแอร์’ พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผบ.ทอ. ได้จัดทัพกำลังคนเสร็จไปเรียบร้อยแล้ว
และยืนยันเสียงแข็งชัดเจนจะตั้งคนในทัพฟ้าขึ้นเป็น “ผู้บัญชาการ” แม้ว่าจะมีผลักดัน พล.อ.อ. สุทธิพันธ์ ต่ายทอง จากหลายฝ่าย แต่ “บิ๊กแอร์”ยืนยันการแต่งตั้งต้องมาจากผู้นำหน่วยในทัพฟ้า ข่าวล่ามาไวบอกว่า จึงเสนอรายชื่อดังนี้
1. ‘บิ๊กป้อง’ พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ (ตท.21) ประธานคณะที่ปรึกษา ทอ. ทายาทอดีตผู้บัญชาการทหารอากาศยุคป๋าเปรม ขึ้นเป็น “ผบ.ทอ.” คนต่อไปแบบแหกสายตาเซียนที่บอกว่า บิ๊กแอร์ไม่กล้าขวางใครแน่ 2.โยก ‘บิ๊กตั้ว’ พล.อ.อ.สฤษฎ์พงศ์ วัฒนวรางกูร (ตท.21) บัญชาการกรมควบคุมการปฏิบัติทางอากาศ (ผบ.คปอ.) เพื่อนร่วมรุ่นที่เข้านอกออกใน ข้ามไปเป็น รองปลัดกลาโหม อัตราพลเอกพิเศษ
3. ขยับเพื่อน พล.อ.อ.ธาดา เคี่ยมทองคำ (ตท.21) ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ. ขึ้นเป็น รองผบ.ทอ. 4. พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ(ตท.22) ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ.ฝ่ายเสธ.ผบ.ทอ. ขยับเป็น ประธานคณะที่ปรึกษา ทอ. 5.”บิ๊กหนึ่ง’พล.อ.อ.ชานนท์ มุ่งธัญญา (ตท.23) เสนาธิการทหารอากาศ ก้าวขึ้นเป็น ผช.ผบ.ทอ. รอการก้าวขึ้น ผบ.ทอ.เพราะเหลือายุราชการ 3ปี 6. พล.อ.อ.ธนศักดิ์ เมตะนันท์ (ตท.22) รองเสธ.ทหาร ขึ้น ผช.ผบ.ทอ.
7. เหนือกว่านั้นคือที่มีการฮือฮากันอยู่ในทุ่งดอนเมืองในขณะนี้ คือ การผลักดัน พล.อ.ท.อนันตชัย แก้วศรีงาม (ตท.22) เจ้ากรมส่งกำลังบำรุงทหารอากาศ (จก.กบ.ทอ.) นักบินลำเลียงจากกองบิน 6 มาด้วยกันกับ “บิ๊กแอร์”ขึ้นเป็น เสธ.ทอ. เพื่อดูแลโครงการต่างๆที่จะข่าวออกมาว่า จะมีการรื้อทั้งระบบ โดยเฉพาะอากาศยานไร้คนขับหรือยูเอวีเรียกว่า เป็นใหญ่ไม่ทิ้งสายงานของตัวเอง
การแต่งตั้งผู้นำเหล่าทัพในปีที่8ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอบนี้ที่ล่าช้าเนิ่นนาน ลากยาวมาถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2564 ไม่ว่าออกมาหน้าไหนสะท้อนว่า “อำนาจมีธาตุแทรก”เข้าให้แล้ว