โฉนด...ชุบชีวิต นโยบายกินได้

17 ก.ย. 2564 | 03:00 น.

คอลัมน์ทางออกนอกตำรา โดย...บากบั่น บุญเลิศ

นานๆ ทีการบริหารราชการแผ่นดินของบรรดาพรรคการเมือง นักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตยจะตอบสนอความต้องการในชีวิตของประชาชนได้ “ตรงจุด โดนใจ”
 

1 ในนโยบายที่ “ตรงจุด โดนใจ” ต้องต้องมอบให้กับ คุณนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย จากพรรคประชาธิปัตย์ ที่กำกับดูแลกรมที่ดิน กรมป้องกันบรรเทาสาธารณะภัย การประปานครหลวง กันเสียแล้วครับ
 

นโยบายที่ตรงจุด โดนใจอย่างมากที่คนไทยทุกคนต้องปรบมือให้กับการตัดสินทางนโยบาย คือ นโยบายการเร่งรัดการออกโฉนดให้กับประชาชนทั่วประเทศ ที่คุณนิพนธ์ประกาศว่า “โฉนดที่ดินคือชีวิต” 
 

นโยบายนี้คือ การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในการถือครองทรัพย์สินของประเทศได้ตรงจุดที่สุด เพราะความเหลื่อมล้ำที่รุนแรงหนักหน่วงที่สุดคือ การครองครองที่ดิน หากสามารถจัดการได้จะช่วยลดปัญหา “รวยกระจุก-จนกระจาย” ที่ถูกพูดถึงในสังคมไทยมานาน  
 

“ที่ดินคือชีวิตของพี่น้องประชาชน เพราะที่ดินนั้นเปรียบเสมือนเป็นหลักประกันในการสร้างความมั่นคงที่อยู่อาศัย ที่ทำกินสร้างอาชีพ สร้างรายได้ เป็นมรดกที่ส่งต่อความภาคภูมิใจไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน...
 

....ผมได้ผลักดันนโยบายนี้มาโดยตลอด เพราะผมเชื่อมั่นว่า หากประชาชนมีความมั่นคงในด้านรายได้และความเป็นอยู่แล้ว จะมีส่วนช่วยลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางสังคม ทำให้ประเทศเกิดการพัฒนาไปอย่างสมดุลและเข้มแข็ง ผมจึงได้สั่งการทางนโยบายและผลักดันเรื่องนี้ให้เป็นนโยบายหลักของรัฐบาลที่ต้องทำให้เป็นรูปธรรม” คุณนิพนธ์ รมช.มหาดไทย บอกถึงความตั้งใจ
 

ผมติดตามนโยบายนี้มานานร่วม 2 ปี เห็นว่าภารกิจนี้มิใช่แค่ประกาศแล้วเติดจากหายไป แต่กลับเป็นรูปธรรมจับต้องได้มากที่สุด ชนิดที่ประชาชนคนไทยไม่ว่าเหนือ-กลาง-อีสาน-ใต้ ไม่ว่า “เหลือง-แดง-สลิ่ม-3 กีบ-สี่กีบ-ห้ากีบ” ควรที่จะเชิดชูการคิดและลงมือทำให้เห็นเป็นรูปธรรม


23 กันยายน 2563 คุณนิพนธ์ ได้ลงนามในประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดจังหวัดที่จะทำการสำรวจรังวัดทำแผนที่เพื่อออกโฉนดที่ดินในปีงบประมาณ พ.ศ.2564 ตามมาตรา 58 วรรคแรกของพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2528 รวม 50 จังหวัด ได้แก่
 
1.กระบี่ 2.กาญจนบุรี 3.กาฬสินธุ์ 4.กำแพงเพชร 5.ขอนแก่น 6.จันทบุรี 7.ชลบุรี 8.ชัยภูมิ 9.เชียงราย 10.เชียงใหม่ 11.ตรัง 12.ตาก 13.ตราด 14.นครพนม 15.นครราชสีมา 16.นครศรีธรรมราช 17.นราธิวาส 18.น่าน 19.บึงกาฬ 20.บุรีรัมย์ 21.ประจวบคีรีขันธ์ 22.ปัตตานี 23.พะเยา 24.พังงา 25.พัทลุง 26.พิษณุโลก 27.เพชรบุรี 28.แพร่ 29.มหาสารคาม 30.มุกดาหาร 31.ยะลา 32.ยโสธร 33.ระยอง 34.ราชบุรี 35.ร้อยเอ็ด 36.ลำปาง 37.ลำพูน 38.ศรีสะเกษ 39.สกลนคร 40.สตูล 41.สระบุรี 42.สงขลา 43.สุโขทัย 44.สุราษฎร์ธานี 45.สุรินทร์ 46.หนองคาย 47.อุดรธานี 48.อุตรดิตถ์ 49.อุบลราชธานี และ 50.อำนาจเจริญ 
 

ตอนแรกผมยังปรามาสด้วยซ้ำไปว่า การออกประกาศการทำการสำรวจเพื่อรังวัด คงทำได้ไม่มากนัก เพราะ
1.โครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส) บริเวณพื้นที่นอกเขตอุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี 
 

2.โครงการเดินสำรวจรังวัดรูปแปลงโฉนดที่ดินและเดินสำรวจออกโฉนดที่ดิน ด้วยระบบเทคโนโลยีการรังวัดแบบRTK GNSS Network โดยกำหนดเป้าหมายเดินสำรวจในปีงบประมาณ พ.ศ.2564 รวมทั้งสิ้นจำนวน 122,400 แปลง  ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2564 ใช้งบประมาณรวม 444 ล้านบาท

แต่พอทำการศึกษาลึกลงไปในการทำงานพบว่า กรมที่ดินนำระบบ RTK GNSS Network ที่เป็นการสำรวจรังวัดจะใช้ในทุกพื้นที่ที่มีสถานีรับสัญญาณดาวเทียมให้ครอบคลุมทั่วประเทศ มายืนยันเรื่องแนวเขตที่ดิน ลดปัญหาการชี้แนวเขตข้างเคียง ผมยังติดตามอยู่ว่าทำได้กีแปลง...เพราะมีการเดินสำรวจรังวัดกันทุกสัปดาห์แจกกันทุกวันวันละ 100-2,000 แปลง
 

3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา นราธิวาส) มีเป้าหมาย 15,500 แปลง ตอนนี้ปัตตานี ออกไปแล้ว 2,024 แปลงขระที่ สงขลา-พัทลุง-สตูล-นครศรีธรรมราช ก็เต็มที่ ตอนนี้ สงขลาสามารถออกโฉนดที่ดินได้กว่า 2,856 แปลง กระบี่ออกโฉนดไป 80 แปลง
 

น่านมีการออกโฉนดและส่งมอบให้ชาวบ้านไปแล้ว 2,363 แปลง ศูนย์อำนวยการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินจังหวัดอุบลราชธานี-ศรีสะเกษ-อำนาจเจริญ-ยโสธร จำนวน 33 ราย 44 แปลง เนื้อที่รวม 128-2-02.4 ไร่
 

พอวันที่ 15 กันยายน 2564 นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย dHออกมาประกาศ ว่าได้ลงนามในประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดจังหวัดที่จะทำการสำรวจรังวัดทำแผนที่เพื่อออกโฉนดที่ดิน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ในพื้นที่ 70 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดกระบี่ กาญจนบุรี กาฬสินธุ์ กำแพงเพชร ขอนแก่น จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ชัยนาท ชัยภูมิ ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ ตรัง ตราด ตาก นครนายก นครปฐม นครพนม นครราชสีมา นครศรีธรรมราช
 

นครสวรรค์ นราธิวาส น่าน บึงกาฬ บุรีรัมย์ ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี ปัตตานี พระนครศรีอยุธยา พังงา พัทลุง พิจิตร พิษณุโลก เพชรบุรี เพชรบูรณ์ แพร่ พะเยา มหาสารคาม มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ยะลา ยโสธร ร้อยเอ็ด ระนอง ระยอง ราชบุรี
 

ลพบุรี ลำปาง ลำพูน เลย ศรีสะเกษ สกลนคร สงขลา สตูล สระแก้ว สระบุรี สิงห์บุรี สุโขทัย สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อ่างทอง อุดรธานี อุทัยธานี อุตรดิตถ์ อุบลราชธานี และอำนาจเจริญ มีผลบังคับใช้และเริ่มเดินสำรวจตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป
 

ถือเป็นการตอกหมุด เจตนารมณ์ของนักการเมืองที่ชื่อ นิพนธ์ บุญญามณี...ได้ว่าไม่บิดพลิ้ว ลุยเต็มที่ ทำขนาดนี้ไม่ชื่นชมก็ใจจืดใจดำกันละครับพี่น้อง... 
 

ในประเทศไทยนั้น ขณะนี้มีประชาชนผู้ครอบครองที่ดินประเภท ส.ค.1 น.ส.3 และน.ส.3ก อยู่จำนวนมาก แต่ไม่สามารถออกโฉนดได้ ผมเคยถามอธิบดีกรมที่ดินว่าบ้านเรามีกี่ฉบับได้ ท่านบอกว่า แปลงที่ดินของไทยที่มีเอกสารสิทธิ์ อยู่ในระบบจริงเกือบ 34 ล้านแปลง แต่มีไม่น้อยกว่า 3 ล้านฉบับที่ยังไม่สามารถออกเอกสารสิทธิ์ได้ หากเร่งดำเนินการจะแก้ปัญหาให้คนเหล่านี้ได้มาก ที่ดินคือชีวิตและความเจ็บปวดของพี่น้องคนไทยจริงๆครับ
 

ผศ.ดร.ดวงมณี เลาวกุล อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยทำการวิจัยเรื่องการถือครองที่ดินมายาวนานพบว่า ประเทศไทยมีที่ดินประเภทโฉนดจำนวน 95 ล้านไร่ ในจำนวนนี้มีผู้ถือครอง 15 ล้านราย ผู้ถือครองที่ดินมากที่สุดถือครองถึง 6 แสนไร่ ในจำนวนนี้เชื่อหรือไม่ว่าผู้มีประชากรกว่าร้อยละ 50 ถือครองไม่เกิน 1 ไร่ มีประชากรร้อยละ 22 ถือครองที่ดิน 1-5 ไร่ มีประชากรราวร้อยละ 28 ถือครองที่ดินมากกว่า 5 ไร่ 
 

และเมื่อหันมาตรวจสอบตัวเลขปี 2560 พบว่าประเทศไทยมีเอกสารสิทธิที่ดินจำนวน 37 ล้านฉบับ รวมพื้นที่ 128 ล้านไร่ คิดเป็นพื้นที่ 40 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งหมด แต่มีคนเพียง 25 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่มีที่ดิน และในจำนวน 25 เปอร์เซ็นต์ของคนที่มีที่ดินนี้มีเพียง 5 เปอร์เซ็นต์ที่เป็นเจ้าของที่ดินมากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนที่ดินทั้งหมด
 

ขณะที่คนไทยอีกเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์มีที่ดินน้อยกว่า 1 ไร่ต่อคน แสดงให้เห็นการกระจุกตัวของที่ดิน 
 

การถือครองที่ดินจึงกลายเป็นความเลื่อมล้ำทางด้านทรัพย์สินของประเทศไทย เพราะควนรวย 1 เปอร์เซ็นต์ของประเทศ มีทรัพย์สินถึง 67 เปอร์เซ็นต์ และที่น่าสนใจคือ 50 คนที่รวยที่สุดในไทย ถือครองทรัพย์สินมากถึง 31 เปอร์เซ็นต์ของทั้งประเทศ ขณะที่ชาวบ้านไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินแม้จะมีการครอบครองที่ดิน
 

การออกโฉนดจึงเป็นการเพิ่มสิทธิทำกินและพลิกชีวิตของคนไทยในทุกภูมิภาคอย่างมาก..
 

ใครมีส.ค.1 น.ส.3 น.ส.3ก เดินทางไปติดต่อยังสำนักงานที่ดินได้เลยครับ !

 

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,715 วันที่ 19 - 22 กันยายน พ.ศ. 2564