เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ผมได้เล่าถึงการเข้าไปหาซื้อก้อนหินหยก ที่เป็นหยกดิบของคุณสุวรรณี ที่เธอเข้าไปที่ตลาดต่าต้าเซ หรือตลาดใกล้ๆสะพานในเมืองมิจีน่า รัฐกระฉิ่น
ซึ่งการซื้อหาสินค้าไม่ว่าจะเป็นสินค้าอะไรก็ตามในประเทศเมียนมา หากเป็นชาวต่างชาติหรือคนแปลกหน้าที่เข้าไป ราคามักจะแพงกว่าคนท้องถิ่นเสมอ นี่คือสัจจะธรรม ถึงแม้เธอจะนุ่งโสร่งและทาหน้าด้วยแป้งทะนาคาก็ตาม ชาวเมียนมาก็สามารถมองออกว่านี่ไม่ใช่คนเมียนมา ต้องเป็นชาวต่างชาติแน่นอน เธอจึงต้องอาศัยพ่อของสามีและพี่น้องของสามีเธอทุกครั้งไป
โดยเธอจะเป็นคนเดินเข้าไปในร้านก่อนเสมอ เพื่อเลือกหาก้อนหินหยกที่เธอถูกใจก่อน แล้วเธอจะทำสัญญาลักษณ์ไว้ที่ก้อนหินนั้นๆ แล้วจึงจะสอบถามราคาไว้ จากนั้นก็จะทำเป็นไม่ได้สนใจหินก้อนนั้น จากนั้นจึงออกจากร้านไป แล้วบอกกับคุณพ่อของสามีว่า หินก้อนที่เธอต้องการอยู่ในร้านไหน และวางไว้ที่พิกัดไหนของร้าน บางครั้งต้องสื่อสารกันเป็นพิกัดตามเข็มนาฬิกากันเลยทีเดียว
จากนั้นพ่อของสามีหรือพี่สาวของสามีก็จะเข้าไปแกล้งเลือกก้อนหินหยกในร้านนั้น แล้วจึงหยิบเอาก้อนที่เธอต้องการมาต่อลองราคา เธอบอกว่า บางครั้งราคาที่เธอถามมา สามแสนจ๊าด แต่พ่อสามีสามารถซื้อได้เพียงห้าหมื่นจ๊าดก็เคยมีปรากฏเช่นกันครับ
ภายในตลาดต่าต้าเซนี้ นอกจากจะมีก้อนหินหยกขายแล้ว ยังมีหยกที่ผ่านการเจียระไนแล้ว ซึ่งเธอเองไม่ค่อยชอบที่จะซื้อแบบดังกล่าว ผมถามว่าทำไมไม่ซื้อที่เขาทำสำเร็จแล้วละ เธอบอกว่าราคาจะแพงกว่าที่เราซื้อหินหยกดิบๆ เยอะ อีกอย่างหลานชายสามีเขาเก่งเรื่องของการแปรรูปอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องไปเสียมูลค่าเพิ่มอีก
อีกประการหนึ่งคือ การเจียระไนบางครั้งหากพ่อค้าที่ไม่ซื่อสัตย์ เขาก็จะใส่สีลงไปในเนื้อหยกในระหว่างดำเนินการเจียระไน เธอจึงคิดว่าซื้อวัสถุดิบมาผลิตเองจะมั่นใจได้มากกว่านั่นเอง
นอกจากนี้แล้ว ภายในตลาดต่าต้าเซ ยังมีพลอยอำพันวางขายเต็มไปหมดด้วย แต่ความนิยมและราคาของหยกจะแพงกว่าพลอยอำพันเสมอ แต่ในจิตใจลึกๆ ของเธอ เธอก็ยังคงผูกพันกับพลอยอำพันไม่เสื่อมคลาย
ดังนั้นบางครั้งเธอก็จะเลือกหาพลอยอำพันติดไม้ติดมือมาด้วยเสมอ ผมถามเธอว่า การเลือกพลอยอำพันนั้น เธอเลือกอย่างไรถึงจะได้พลอยอำพันแท้ที่ไม่ถูกหลอกย้อมแมวขาย เธอบอกว่า การดูพลอยอำพันนั้นค่อนข้างจะต้องใช้ประสบการณ์มากพอควร คงไม่สามารถเพียงแค่บอกเล่าก็จะมีความสามารถได้ แต่อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่ของอำพันปลอม จะเป็นการนำเอาก้อนเรซินสีเหลืองมาหลอกคนที่ไม่รู้เท่านั้น
ซึ่งบางครั้งราคาก็ไม่ใช่ตัวตัดสินว่าจะจริงหรือปลอม แต่ถ้าเป็นอำพันจริงก็จะพิสูจน์ได้ด้วยการส่องไฟสปอตไลต์ สีของพลอยอำพันจะมีความพิเศษของพลอยอย่างมหัศจรรย์เลยทีเดียว เธอบอกว่ามีอยู่ครั้งหนึ่ง เธอนำเอาพลอยอำพันที่เธอให้ช่างแกะสลักเป็นพระพุทธรูปมา วางไว้ในกลางห้องตอนกลางคืน แล้วเธอใช้ไฟสปอตไลต์ส่องไปที่องค์พระ ปรากฎว่ามีแสงออร่าประกายสีเหลือง กระจายไปทั่วทั้งห้องเลย เธอบอกว่าแม้เธอจะเป็นคนที่นับถือคริสต์ศาสนา เธอยังมีความรู้สึกว่าน่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง
การซื้อมา-ขายไปด้วยวิธีการหาซื้อก้อนหินหยกจะตลาดต่าต้าเซ แม้จะดำเนินไปด้วยดี แต่เธอก็ยังคิดว่า น่าจะทำกำไรได้น้อยกว่าการไปหาซื้อที่แหล่งขุด อีกอย่างพ่อค้าในตลาด เริ่มที่จะจับทางเธอได้ เพราะทุกครั้งที่มีสาวสวยมาดูสินค้า หลังจากนั้นอีกสิบกว่านาที ก็จะมีชายแก่เข้ามาซื้อเสมอ เพียงแค่หกเดือน ก็ตบตาพ่อค้าในตลาดไม่ได้แล้ว
ดังนั้นเธอจึงต้องรบเร้าให้สามีเธอพาเธอขึ้นภูเขาในเขตปะกั่น จึงได้เริ่มขึ้น แม้จะเป็นการบุกขึ้นไปสู่ป่าดงของสารพัดอันตรายที่อยู่ข้างหน้า แต่ความกล้าหาญของเธอ ก็ทำให้เธอยิ่งมีความกระหายที่จะไปที่นั่นให้ได้ แรกเลยสามีเธอก็บอกเธอว่า การไปที่นั่นไม่ได้ขึ้นไปง่ายๆ เลย เพราะต้องบุกป่าฝ่าดงเข้าไป อีกทั้งถนนหนทางก็แสนจะลำบาก เขาจึงไม่อยากให้ไปเสี่ยงภัย แต่เธอไม่ยอมละความพยายาม สามีเธอจึงยอมที่จะพาเธอไป
อาทิตย์หน้าผมจะมาเล่าถึงการไปบนภูเขาหยกให้อ่านนะครับ โปรดติดตามตอนต่อไปครับ