‘ผู้นำ’ ตกยุค

25 พ.ย. 2564 | 09:49 น.
อัปเดตล่าสุด :25 พ.ย. 2564 | 16:50 น.

แบรนด์สตอรีส์ กฤษณ์ ศิรประภาศิริ [email protected]

เกือบ 100 ปีที่แล้ว เรามี “เจ้านาย” พระองค์หนึ่งใน “ราชวงศ์จักรี” ได้พระราชทาน “ข้อคิด” ที่มี “คุณค่า”

 

“เราเป็นมนุษย์ก่อนแล้วจึงได้เป็นคนไทย เพราะฉะนั้นสิ่งไรที่เราทำเพื่อ BENEFIT HUMANITY แล้ว ก็คงจะ BENEFIT คนไทย

 

แต่สิ่งที่จะเป็น BENEFIT คนไทยเท่านั้น แต่ไม่ BENET HUMANITY แล้วไม่จำเป็นต้องทำ ..”

 

สมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล “เจ้านาย” พระองค์นั้น ทรงทิ้งท้ายในพระราชดำรัสประวัติศาสตร์นั้นว่า ..

 

“SIAM CAN DO WITHOUT SUCH BENEFIT”

COP26

ชนชาวสยามในยุคสมัยนั้น จึง “เชิดหน้า มีศักดิ์ศรี” แม้ในเวทีโลก ที่มีประเทศมหาอำนาจ ทรงพลังและพร้อมที่จะ “ไล่ล่า” เมืองขึ้น

 

เพราะเรามี “ผู้นำ” ผู้ทรงพระปรีชาชาญมองการณ์ไกล และทรง “คุณธรรม” ต่อ

 

“มวลมนุษยโลก” และทรงเห็นว่า ความเจริญรุ่งเรืองของสยามประเทศและความผาสุกของ

 

พสกนิกรชาวไทยขึ้นกับ “โลก”

 

ปัญหา “โลกร้อน” วิกฤตที่ทำให้ “ผู้นำ” ประเทศต่างๆ ในโลกยุคปัจจุบันต้องมาร่วมประชุมกันใน COP26 (UNITED NATIONS FRAMEWORK CONVENTION ON CLIMATE CHANGE CONFERENCE OF THE PARTIES : UNFCCC COP ครั้งที่ 26) เมือง GLASGLOW SCOTLAND ระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม-12 พฤศจิกายน 2021 โดยมีประเทศสหราชอาณาจักรเป็น “เจ้าภาพ”

COP26

ปัญหาใหญ่เรื่องนี้ คงไม่เกิดขึ้นทั่วโลก หาก “ผู้นำ” แต่ละประเทศ นำเอา “พระราชดำรัส” ของ “สมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล” ไปปฏิบัติ

 

เราเป็น “มนุษย์” ก่อนแล้ว จึงเป็น “คนจีน” อะไรที่ทำแล้วเป็นประโยชน์ต่อ “คนจีน” เท่านั้น แต่ไม่เป็นประโยชน์กับโลก ทำร้ายโลก เราจะไม่ทำ

 

“CHINA CAN DO WITHOUT SUCH BENEFIT”

 

ตัวอย่าง : การใช้ถ่านหิน COAL ในโรงงานจีน เป็นพลังงานเชื้อเพลิงเพราะราคาถูก หาง่าย แต่ “ถ่านหิน” เป็น “ผู้ร้าย” ตัวสำคัญที่ทำให้สภาพภูมิอากาศของโลก เปลี่ยนไปในทางเลวร้าย

 

จีน ต้องหยุดใช้

 

ยกประเทศจีนเป็น “ตัวอย่าง” ความจริงผู้ร้ายในเรื่องนี้ มีหลายประเทศ ที่ยกจีนขึ้นมา เพราะ ไทย-จีนเป็นพี่น้องกัน และดูว่า ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ของเขาเป็น “นักปรัชญา” อ่านมาก ศึกษาประวัติศาสตร์มาก มีความรักในพลเมืองจีน เป็นที่ประจักษ์ (ฮา)

 

หาก “ท่านสี” เพิ่มน้ำหนักรักความเป็น “มนุษย์” รักโลกมากขึ้น ปัญหา “โลกร้อน” จะเบาบาง

 

เรื่องนี้ไม่แต่แค่ ประธานาธิบดี “สี” ยังรวมไปถึงประธานาธิบดีปูติน นายกอินเดีย MODI ฯลฯ ที่ต้องคิด

 

ประเทศอเมริกาเอง ที่แสดงตัวเป็น “พระเอก” ในการประชุม COP26 ครั้งนี้ เคยมีตัวเลขในปี 1970 ช่วง ENERGY CRISIS ของโลกว่า อเมริกามีพลเมืองแค่ 1 ใน 6 ของโลก แต่ดันใช้พลังงานทรัพยากรของโลกไปถึง 1 ใน 3

 

ก็เป็น “การบ้าน” ของประธานาธิบดี JOE BIDEN ผู้ชอบอาศัย “รถไฟสาธารณะ” เดินทางระหว่างบ้านกับรัฐสภา (สมัยก่อนเป็นประธานาธิบดี) เป็นกิจวัตร จนได้ฉายาว่า JOE AMTRAK จะจัดการกับการใช้ “พลังงาน ทรัพยากรโลก” โดยไม่สุรุ่ยสุร่ายของอเมริกาอย่างไร

 

“ผู้นำ” บางประเทศที่สักแต่มาประชุมเพื่อให้ผู้คนได้เห็นว่าอยู่บน “เวทีโลก” มีให้เห็นบ้างประปราย เขาเหล่านั้นไม่สำนึกตัวว่าเป็น “ตัวตลก” บนเวทีโลก BODY LANGUAGE ฟ้องให้เห็น

 

“ผู้นำ” ประเภท ทั้งปีทั้งชาติ ไม่เคยสนใจปัญหา “สิ่งแวดล้อม” หวังแต่ว่า ถึงเวลาประชุมก็คว้าร่าง “คำปราศรัย สุนทรพจน์” ไปอ่าน “ผู้นำ” ประเภทนี้ตกยุค

 

ยังดีที่การประชุมสำคัญของโลกครั้งนี้ ไม่มี “ผู้นำ” ที่ห่ามพอจะแสดงวาทะ “ร้อยประธานาธิบดี ร้อยนายกรัฐมนตรี ก็แก้ไม่ได้”

 

หวังว่าประเทศไทย คงไม่มี “ผู้นำ” ประเภท “ท้อถอย ขี้แพ้” เหล่านี้

 

“ผู้นำ” ประเภทนี้ คงพอใจที่จะอยู่กับโลก “คาร์บอนเท่ากับร้อย” (ฮา)

 

หน้า 14-15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,734 วันที่ 25 - 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564