*** คอลัมน์ฐานโซไซตี หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3747 ระหว่างวันที่ 9-12 ม.ค.2565 “ว.เชิงดอย” ประจำการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ต่อประเทศชาติเช่นเคย
*** เปิดศักราชใหม่ปี 2565 มา ไปอัพเดทสถานการการแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 กันก่อน พ.ญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้ช่วยรองโฆษก ศบค.สรุปสถานการณ์ ณ วันที่ 5 ม.ค.2565 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3,899 ราย เป็นการติดเชื้อภายในประเทศ 3,662 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 169 ราย ติดเชื้อจากเรือนจำหรือสถานที่ต้องขัง 68 ราย รวมผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,239,475 ราย รักษาหายเพิ่ม 2,508 ราย รักษาหายป่วยสะสม 2,182,829 ราย ขณะที่มีผู้รักษาตัวอยู่ จำนวน 34,877 ราย อาการหนัก 541 รายใส่เครื่องช่วยหายใจ 149 ราย
*** ส่วนผู้เสียชีวิตมีเพิ่ม 19 คน อายุระหว่าง 17-88 ปี รวมเสียชีวิตสะสม 21,769 คน โดยหากแบ่งเป็นพื้นที่การเสียชีวิต พบว่าอยู่ใน เชียงราย 4 คน กรุงเทพฯ 3 คน ตากและนครสวรรค์จังหวัดละ 2 คน ขอนแก่น ลำปาง อุตรดิตถ์นครศรีธรรมราช สตูล ฉะเชิงเทรา เพชรบุรี และลพบุรี จังหวัดละ 1 คน ด้านการเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั้งสิ้นจำนวน 104,544,852 โดส แบ่งเป็นฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 51,312,938 ราย ฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 สะสม 46,180,074 ราย และฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 สะสม 7,051,840 ราย
*** พ.ญ.สุมนี บอกว่า หากเปรียบเทียบอัตราการติดเชื้อจากวันนี้พบว่ามีผู้ติดเชื้อสูงขึ้น 808 ราย ดังนั้น วันหยุดในช่วงเทศกาลปีใหม่ก็ยังคงไว้วางใจเรื่องการแพร่ระบาดไม่ได้ ขณะที่การติดเชื้อในประเทศ 10 ลำดับ ประกอบด้วย ชลบุรี 529 ราย ซึ่งจังหวัดชลบุรีมีรายงานลำดับสูงสุดติดต่อกันเป็นวันที่ 3 กรุงเทพฯ 408 ราย จะพบได้ว่าแม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีอัตราการติดเชื้อลดลง แต่ตั้งแต่ช่วงเทศกาลปีใหม่เป็นต้นมา มีอัตราการติดเชื้อสูงขึ้น อุบลราชธานี 315 ราย ซึ่งการติดเชื้อส่วนใหญ่เกิดจากการทำกิจกรรมกันในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ สมุทรปราการ 259 ราย โดยผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นรายงานผู้ที่เดินทางมาจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขอนแก่น 164 ราย ภูเก็ต 138 ราย เชียงใหม่ 135 ราย นครศรีธรรมราช 91 ราย พัทลุง 87 ราย และนนทบุรี 78 ราย จังหวัดที่ติดเชื้อในลำดับที่ 1-7 เป็นจังหวัดที่มีผู้เดินทางไปเป็นจำนวนมาก และมีการรวมกลุ่มทำกิจกรรมในช่วงวันหยุดยาว จึงทำให้เกิด “คลัสเตอร์” ใหม่ๆ
*** ส่วน “คลัสเตอร์” ที่ทางกระทรวงสาธารณสุข และ ศบค. มีความเป็นห่วงอย่างมาก คือ “คลัสเตอร์ร้านอาหาร” โดยเฉพาะร้านอาหารที่มีลักษณะกึ่งผับบาร์ ทั้งในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ แถวๆ นิมมานเหมินทร์ และในเมือง พะเยา ขอนแก่น ชลบุรี ร้านเหล้า มหาสารคาม สถานบันเทิงอุดรธานี แม้แต่ในกรุงเทพฯ ก็พบเป็นการติดเชื้อภายในร้านอาหารกึ่งผับ ซึ่งถือได้ว่าเป็นสถานบันเทิงที่ฝ่าฝืน และเปิดให้บริการไม่ใช่ช่วงเทศกาลปีใหม่ แต่มีการฝ่าฝืนเปิดบริการมาตั้งแต่ก่อนสิ้นปี โดยอธิบดีกรมควบคุมโรคระบุว่าหากเกิดการติดเชื้อในสถานประกอบการลักษณะดังกล่าว มีการแพร่ระบาดเป็นจำนวนมาก ก็มีโอกาสเป็นต้นเหตุให้เกิดการแพร่ระบาด ลงไปในระดับชุมชน และครอบครัว ซึ่งจะคล้ายกับการระบาดในละรอกที่ 3 เช่นเดียวกับการระบาดในสถานบันเทิงย่านทองหล่อ
*** ทั้งนี้โควิด-19 ที่พบในไทยยังเป็นสายพันธุ์เดลตา 78.91% ส่วน “โอมิครอน” 20.92% มีผู้ป่วย 2,338 ราย กระจาย 55 จังหวัด ครึ่งหนึ่งเป็นผู้ติดเชื้อเดินทางจากต่างประเทศ และครึ่งหนึ่งในจำนวนนี้ติดเชื้อจากผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ จากการคาดการณ์การแพร่ระบาดภายในประเทศ ในช่วงหลังจากเทศกาลปีใหม่ โดยเฉพาะ “สายพันธุ์โอมิครอน” ซึ่งมีแนวโน้มในอัตราที่สูงขึ้น ขณะที่การคาดการณ์อัตราการเสียชีวิตยังไต่อยู่ระดับอยู่ในตามที่คาดการณ์เอาไว้ สถานการณ์ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ไว้วางใจไม่ได้ เนื่องจากยังมีผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนจึงกลายเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับการติดเชื้อ
*** สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะ “โอมิครอน” ทำให้ “ไทย” เสี่ยง “ถอยหลัง” กลับไปคุมเข้มมาตรการต่าง ๆ อีกครั้ง มีการปรับพื้นที่โซนสี จำกัดจำนวนคนร่วมกลุ่มในการทำกิจกรรม และการอนุญาตการดื่มสุราในร้านอาหาร ปรับมาตรการเข้าประเทศในระบบ Test & Go …สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ก็ยังเปิดบริการไม่ได้ เพราะถูกพบเป็น “คลัสเตอร์” ในการแพร่ระบาดโควิดรอบใหม่ ดูๆ ไปแล้ว “โอมิครอน” ที่ติดกันง่าย ติดเร็ว น่าจะ “ทุบเศรษฐกิจไทย” อีกรอบ ...สถานการณ์เศรษฐกิจที่กำลังจะเดินไปข้างหน้า กลับต้องมาหยุดชะงัก หรือชะลอตัวอีกครั้งแล้วหรือนี่?
+++ จาก “โควิด-19” หันไปดูเรื่องทางการเมือง 2 ใน “4 กุมาร” อุตตม สาวนายน อดีตรมว.คลัง และ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรมว.พลังงาน เตรียมเปิดตัวพรรคการเมืองใหม่ในเดือนม.ค.นี้แน่นอน โดย อุตตม บอกว่า หลังจากลาออกจากตำแหน่งทางการเมืองทุกตำแหน่ง เมื่อราว 1 ปีครึ่ง ที่ผ่านมา ก็ได้เฝ้าติดตามสถานการณ์บ้านเมือง ในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจระดับชาติและที่ระดับฐานราก ความขัดแย้งทางการเมืองที่ถลำลึก เรื่องความยุติธรรมที่เป็นปมปัญหาและไม่เสมอภาคของประเทศ ที่ทำให้ประเทศ ทำให้คนไทยเสียโอกาส มีความห่วงใยมาโดยตลอด ระยะเวลาปีครึ่งที่ผ่านมา พวกผมได้มีโอกาสรับฟัง แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้คนมากหน้าหลายตาจากหลากแวดวง และได้พบปะพี่น้องประชาชนในหลายกลุ่ม หลายจังหวัด ที่ต่างส่งเสียงสะท้อนปัญหาว่า กำลังมองไม่เห็นอนาคตของประเทศ และไม่เห็นผู้คนในโครงสร้างของวันข้างหน้า
*** อุตตม บอกว่า มีข้อเสนอมากมายที่ให้พวกเราเข้าร่วมกับพรรคการเมืองต่างๆ รวมทั้งการตั้งพรรคการเมืองที่ไวต่อความเปลี่ยนแปลงเพื่ออนาคตของไทย จากการพบปะแลกเปลี่ยนความเห็นกับกลุ่มคนที่ต้องการหาทางออกของประเทศ จึงได้ตัดสินใจร่วมกันว่า เราควรร่วมกับผู้มีจิตสาธารณะฟื้นฟูประเทศ ตั้งพรรคการเมืองขึ้นมา โดยการรวบรวมผู้คนเพื่อเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วน ทุกรุ่นทุกวัย มีส่วนร่วมผสานรอยต่อในการสร้างอนาคตของประเทศร่วมกัน ขณะนี้ “คณะผู้ก่อตั้งพรรค” กำลังดำเนินการในการจดแจ้ง จัดตั้งพรรคการเมืองที่เป็นทางเลือกใหม่ของสังคม ซึ่งจะเปิดตัวพรรคการเมืองใหม่นี้อย่างเป็นทางการภายในเดือน ม.ค.นี้
*** “ที่ผ่านมามีคำถามมามาก เราจึงขอเรียนพี่น้องประชาชนถึงความชัดเจน ว่า เรากำลังทำพรรคการเมืองใหม่กับผู้ร่วมอุดมการณ์อีกหลายคนอย่างแน่นอน ...ยืนยันได้ว่า พรรคการเมืองใหม่นี้ จะมีผู้เข้าร่วมมากมาย ทั้งผู้มีชื่อเสียงในแวดวงธุรกิจ-ภาคประชาชน-นักวิชาการ-อดีตผู้แทนราษฎร รวมทั้ง ส.ส.ในปัจจุบัน เพราะทุกคนเหล่านี้ เห็นร่วมกันว่าวันนี้การเมืองในสภาพปัจจุบัน มิใช่การเมืองเพื่ออนาคตประเทศ แต่เราจะต้องมาสร้างอนาคตประเทศไทยในวันนี้ เพื่อส่งต่อให้คนทุกรุ่นทุกวัย อยู่ร่วมกันอย่างมีอนาคต!!” อุตตม ย้ำ …ขอเอาใจช่วยพรรคการเมืองใหม่ทุกพรรคที่ก่อตั้งกันขึ้นมา เพื่อเพิ่มโอกาส และทางเลือกให้กับประชาชน และประเทศชาติต่อไป...