*** หุ้นหลายกลุ่มมักจะถูกเทขายเพื่อปรับฐานราคา หลังจากการขึ้น SD ในเดือนเมษายน และแจกปันผลในช่วงเดือนพฤษภาคม จนกลายเป็นจิตวิทยาหมู่เรื่อง “Sell in May” จะมีก็แค่ปี 63 และ 64 ที่ผ่านมาเท่านั้น ที่ปรากฏการณ์นี้แทบจะไม่มีผลกับตลาดฯ เนื่องจากเป็นปีที่ตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มฟื้นตัวขึ้นมาหลังจากภาววิกฤติโควิด-19
ขณะที่ในปีนี้ภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นทั่วโลก ต้นทุนราคาพลังงาน และอาหารที่เกิดขึ้นจากสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงผลพวงที่เกิดจากการระบาดของเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปรากฏการณ์ Sell in May กลับมาได้อีกครั้ง โดยกลุ่มหุ้นที่มีความเสี่ยงมากที่สุดคือ หุ้นกลุ่มสายการบิน ขนส่ง วัสดุก่อสร้าง ปิโตรเคมี EPG TASCO จะได้รับผลกระทบอย่างเห็นได้ชัด โดยมีหุ้นกลุ่มธนาคาร KBANK BBL SCB KTB KKP พลังงาน PTTEP PTT และโรงกลั่น TOP IRPC BCP SPRC ESSO จะได้อานิสงส์ในทางบวก
*** ในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมาหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลอย่าง THG BCH และ BDMS ปรับราคาขึ้นมาอย่างโดดเด่น โดยเฉพาะ THG ของหมอบุญ “นายแพทย์บุญ วนาสิน” ถือได้ว่าเป็นหุ้นที่โดดเด่นที่สุดในกลุ่มโรงพยาบาลด้วยกัน เพราะปรับราคาขึ้นมาได้เกือบๆ 200% โดยใช้เวลาไม่กี่เดือนเท่านั้น ซึ่งกรณีนี้สอดคล้องกับทิศทางของผลประกอบการปี 2564 กำไรเติบโตอย่างก้าวกระโดด
ขณะเดียวกันก็มีประเด็นในเรื่องโรงพยาบาลธนบุรี รังสิต ขนาด 250 เตียง ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง THG จำนวน 30% RAM จำนวน 40% กลุ่มแพย์ จำนวน 20% และ VIBHA จำนวน 10% อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์มองว่า อาจจะต้องรอดูผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 65 ซึ่งน่าจะไม่มีรายได้เฉพาะกิจที่มาจากโควิด-19 มาเป็นตัวแปล โดยมองว่าราคาที่เหมาะสมของ THG น่าจะอยู่ที่ 33-38 บาทเท่านั้นเอง
*** แม้ว่าล่าสุด A5 จะเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นโดยนายทวีรัช ปรุงพัฒนสกุล จะขึ้นแท่นเป็นเบอร์ 2 หลังจากซื้อบิ๊กล็อตจาก “เกรียงไกร ศิระวณิชการ” ที่ลดจำนวนหุ้นลงมาเป็นผู้ถือหุ้นอันดับที่ 3 แต่ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน แต่ A5 ก็ยังเป็นหุ้นตัวเดิมที่เล่นบท “โหด” ด้วยการลากราคาแล้วตบลงมาแบบโหดๆ อย่างเสมอต้นเสมอปลายเหมือนเดิม เฮ้อ...
เจ๊เมาธ์ก็คงทำได้แค่มองตาปริบๆ รอดูว่าจะมีใครมาดูแลนักลงทุนรายย่อยอย่างเราหรือไม่ก็เท่านั้น มันก็อย่างว่า...ในเมื่อผู้คุมกฎเค้าอุตส่าห์เป็นใจปล่อยผีร้ายให้ออกมาขนาดนี้ การหาเงินกันสักนิดก็ไม่น่าจะมีอะไร จะเปรี้ยวบ้าง...ซ่าบ้างก็คงจะไม่มีปัญหา ในยุคที่มืดบอดของตลาดฯ มันก็เป็นแบบนี้เองเจ้าค่ะ… ส่วน เกรียงไกร ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นอดีตประธานบริษัทที่พา A5 กลับมาสร้างวีรกรรมหุ้นราคาโหดเช่นนี้!!
*** เจ๊เมาธ์อยากจะรู้จริงๆ ว่าจะมีใครทำอะไรได้บ้างในกรณีความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการปล่อยข่าวเพื่อเตะตัดขา บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ซึ่งถ้าเรื่องการขึ้นหรือลงของราคาหุ้นมันเป็นไปตามกลไกของตลาด มันก็ไม่น่าจะมีปัญหา แต่กรณีนี้การที่ราคาหุ้นของ EA ร่วงลงมาอย่างหนัก เป็นไปเพราะการปล่อยข่าวออนไลน์เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือโดยตรงแบบนี้ ถ้าใครจะทำเป็นมองไม่เห็น...หรือบอกปัดไปง่ายๆ ว่าราคาหุ้นจะขึ้น หรือ ลง มันก็เป็นไปตามกลไกของตลาดมันก็ไม่ถูกต้องซะแล้ว
งานนี้เจ๊เมาธ์ขอกราบวิงวอนให้ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบช่วยกรุณาออกมาจัดการและหาทางป้องกันไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดซ้ำได้อีก เพราะถ้ายังมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับหุ้นตัวอื่นซ้ำรอย EA แล้วนักลงทุนจะอยู่กันได้อย่างไร หรือ ถ้าหากทำอะไรได้ก็สมควรลาออก เพื่อให้คนอื่นที่เค้าเก่งกว่า...ดีกว่า เข้ามาทำงานแทนก็น่าจะดีกว่านะคะ เจ๊เมาธ์อยากเห็นความเปลี่ยนแปลงแล้วค่ะ
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,773 วันที่ 10 - 13 เมษายน พ.ศ. 2565