อุทธรณ์คดีทางบริษัทขนส่งเอกชน นับวันที่ส่งหรือวันที่ศาลได้รับ?

03 พ.ค. 2567 | 04:32 น.

อุทธรณ์คดีทางบริษัทขนส่งเอกชน นับวันที่ส่งหรือวันที่ศาลได้รับ? คอลัมน์อุทาหรณ์จากคดีปกครอง ​ โดย นายปกครอง หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,988 หน้า 5 วันที่ 2 - 4 พฤษภาคม 2567

“สวัสดีครับ ... คุณมีพัสดุตกค้าง” ถ้าได้ยินเสียงโทรแจ้งข้อความเช่นนี้ สันนิษฐานได้เลยว่า นี่คือหนึ่งในอุบายของเหล่ามิจฉาชีพ ที่มักมีการแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์หรือตัวแทนของหน่วยงานต่างๆ พลอยทำให้เราต้องระมัดระวังกันไม่หวาดไม่ไหวเลยทีเดียว... 

เปิดรื่องด้วยการส่งพัสดุหรือไปรษณีย์มาแบบนี้ ... แน่นอนว่า นายปกครองมีประเด็นเกี่ยวข้องกับการจัดส่งเอกสารทางไปรษณีย์มาคุยกันในวันนี้ครับ ซึ่งการส่งไปรษณียภัณฑ์ของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด นั้น เป็นการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ในกิจการไปรษณีย์ตามพระราชบัญญัติไปรษณีย์ พุทธศักราช 2477 อันเป็นบริการสาธารณะอย่างหนึ่ง ในการดำเนินงานดังกล่าวจึงมีฐานะเป็นหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินกิจการทางปกครอง และเป็นหน่วยงานทางปกครองตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง ซึ่งกฎหมายดังกล่าวยังกำหนดให้การยื่นคำฟ้อง คำอุทธรณ์ หรือเอกสารหลักฐานต่อศาลปกครองผ่านทางเจ้าพนักงานไปรษณีย์ของบริษัท ไปรษณีย์ไทยฯ ให้ถือเสมือนว่าได้ยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของศาลและให้นับวันที่ยื่นต่อเจ้าพนักงานไปรษณีย์เป็นวันที่ยื่นเรื่องต่อศาลครับ 

 

ส่วนกรณีการจัดส่งผ่านบริษัทขนส่งเอกชนที่ไม่ใช่ตัวแทนหรือได้รับมอบหมายจากบริษัท ไปรษณีย์ไทยฯ ให้ดำเนินกิจการไปรษณีย์ เช่น บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรสฯ หรือ บริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรสฯ ก็สามารถกระทำได้ในฐานะของบุคคลที่ได้รับมอบฉันทะจากผู้ยื่น โดยจะต้องแนบใบมอบฉันทะมาด้วยหรือหากมิได้แนบมาในตอนแรกก็เป็นกรณีที่สามารถแก้ไขให้ถูกต้องได้ โดยส่งใบมอบฉันทะต่อศาลในภายหลังภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนดนั่นเองครับ (คำสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ 336/2566) 

 

 

อุทธรณ์คดีทางบริษัทขนส่งเอกชน นับวันที่ส่งหรือวันที่ศาลได้รับ?

 

 

แต่ช้าก่อน ! เรื่องยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะมีประเด็นที่ชวนให้ขบคิดเพิ่มเติม ด้วยเหตุว่า หากยื่นเรื่องผ่านพนักงานของบริษัทขนส่งเอกชน ซึ่งจะไม่ถือเป็นการยื่นต่อเจ้าพนักงานไปรษณีย์ของบริษัท ไปรษณีย์ไทยฯ เช่นนี้ จะถือว่าวันใดเป็นวันที่ยื่นเอกสารหรือพยานหลักฐานต่อศาลกันแน่ ! เพราะหากมีพัสดุตกค้างหรือล่าช้าขึ้นมาจริงๆ อาจส่งผลต่อการพิจารณาเกี่ยวกับระยะเวลาการยื่นคำฟ้องหรือคำร้องตามที่กฎหมายกำหนด ที่อาจทำให้เสียสิทธิในการฟ้องคดีหรือการอุทธรณ์คดีต่อศาล มาฟังคำตอบจากอุทาหรณ์คดีปกครองเรื่องนี้ครับ

 

มูลเหตุของคดีเกิดจาก ... ผู้ฟ้องคดีทั้งสามซึ่งเป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูแห่งหนึ่งได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองเพื่อขอให้สหกรณ์จังหวัดเพิกถอนระเบียบสหกรณ์ออมทรัพย์ครู ว่าด้วยบำเหน็จเจ้าหน้าที่และลูกจ้าง และสั่งให้สหกรณ์ออมทรัพย์ครูดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายพร้อมเรียกเงินที่ได้จ่ายไปเกินสิทธิคืนจากเจ้าหน้าที่

 

ต่อมา ศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับ คำฟ้องนี้ไว้พิจารณา เนื่องจากเห็นว่าผู้ฟ้องคดีทั้งสามไม่ใช่ผู้ได้รับความเดือดร้อนเสียหายผู้ฟ้องคดีทั้งสามไม่รอช้ารีบยื่นคำร้องอุทธรณ์ คำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น โดยฝากส่งคำร้องดังกล่าวผ่านทางบริษัทขนส่งเอกชนเพื่อให้นำส่งศาลปกครองต่อไป 

 

แต่ทว่า ... ศาลปกครองสูงสุดกลับมีคำสั่งไม่รับคำอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดีทั้งสามไว้พิจารณา ด้วยเหตุว่าเป็นการยื่นคำร้องอุทธรณ์เมื่อพ้นระยะเวลาอุทธรณ์แล้ว!

 

ต้องมีอะไรผิดพลาดตรงไหน ... (ท่อนฮุกของเพลงเลือดกรุ๊ปบีลอยมาเลย) เอ ... ผู้อุทธรณ์ก็จัดส่งเอกสารล่วงหน้าก่อนครบกำหนดถึง 6 วัน เหตุไฉนเอกสารถึงศาลล่าช้า หรือเป็นเพราะว่าพัสดุตกค้างหรือเปล่านะ !? 

 

เรื่องนี้ ... ศาลปกครองสูงสุดท่านอธิบาย ว่า ศาลปกครองชั้นต้นได้มีคำสั่งลงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 ไม่รับคำฟ้องของผู้ฟ้องคดีไว้พิจารณา โดยผู้ฟ้องคดีทั้งสามได้รับแจ้งคำสั่งดังกล่าวเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2566 จึงมีสิทธิยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นภายในระยะเวลา 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งดังกล่าว ซึ่งจะครบกำหนดระยะเวลาภายในวันที่ 10 มีนาคม 2566 

 

แต่ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2566 ผู้ฟ้องคดีทั้งสามได้ยื่นอุทธรณ์โดยฝากให้บริษัทขนส่งเอกชนนำส่งต่อศาลปกครองชั้นต้น ซึ่งบริษัทดังกล่าวประกอบกิจการรับขนส่งของและไม่ปรากฏว่าได้รับอนุญาต หรือมีสัญญาหรือข้อตกลงในการประกอบกิจการส่งไปรษณียภัณฑ์กับบริษัท ไปรษณีย์ไทยฯ จึงไม่ใช่ตัวแทนหรือหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายจากบริษัท ไปรษณีย์ไทยฯ ให้ดำเนินกิจการไปรษณีย์ การส่งคำอุทธรณ์ดังกล่าวจึงมิใช่การยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งต่อเจ้าพนักงานไปรษณีย์ และถือไม่ได้ว่าวันที่ 4 มีนาคม 2566 เป็นวันที่ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของศาลตามมาตรา 46 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 

 

ดังนั้น เมื่อสำนักงานศาลปกครองภูมิภาคได้ประทับรับคำอุทธรณ์เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2566 ซึ่งถือเป็นวันที่ผู้ฟ้องคดีได้ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นที่ไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา อันเป็นการยื่นเมื่อพ้นระยะเวลาอุทธรณ์ตามข้อ 49/1 แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2543 แล้ว

 

ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำสั่งไม่รับคำอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดีทั้งสามไว้พิจารณา (คำสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ 85/2567)

 

คดีนี้ ... ถือเป็นอีกหนึ่งข้อพึงระมัดระวังในการยื่นเอกสารต่อศาลผ่านทางบริษัทขนส่งเอกชน ที่จะต้องเผื่อเวลาสำหรับการจัดส่งเอกสารต่อศาล ซึ่งอาจเกิดข้อขัดข้องหรือล่าช้ากว่าเวลาตามปกติได้ เนื่องจากการยื่นด้วยวิธีดังกล่าวจะนับวันที่พนักงานของบริษัทขนส่งเอกชนได้ส่งเอกสารต่อศาลหรือต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของศาลซึ่งได้รับไว้เป็นวันที่ยื่นเอกสารนั้น อันแตกต่างจากกรณีการส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนกับบริษัท ไปรษณีย์ไทยฯ ที่ให้นับตั้งแต่วันที่ส่งเอกสารให้แก่เจ้าพนักงานไปรษณีย์เป็นวันที่ยื่นเอกสารต่อศาล 

 

ดังเช่นในคดีข้างต้นที่แม้ระยะเวลาจะล่วงเลยไปเพียงแค่ 3 วัน แต่ก็ทำให้เสียสิทธิในการอุทธรณ์หรือการดำเนินคดีต่อไปอย่างน่าเสียดายครับ ...  

 

(ปรึกษาการฟ้องคดีปกครองได้ที่ “สายด่วนศาลปกครอง 1355” และสามารถศึกษาความรู้ที่น่าสนใจเกี่ยวกับคดีปกครองได้ที่ “ศูนย์การเรียนรู้ศาลปกครองออนไลน์” https://aclib.admincourt.go.th/)