โลกในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 21 มีการเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน เช่นเดียวกับสังคมไทยในปัจจุบันที่เป็นยุคแห่งการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันในการใช้ชีวิต การแข่งขันในการไขว่คว้าหาโอกาส การพัฒนาทักษะในทุกด้านเพื่อนำมาเพิ่มพูนเงินทอง ทรัพย์สิน สะสมของมีค่ามากมาย เพื่อเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าชีวิตได้ประสบความสำเร็จแล้ว ให้มีหน้ามีตาในสังคม แต่ขณะที่กำลังไคว้คว้าหาสิ่งเหล่านี้จนทำให้ในบางครั้งก็ลืมตระหนักว่า เราลืมให้ความสำคัญกับสุขภาพ และกำลังใช้ชีวิตโดยวิ่งสวนทางกับสุขภาพ ที่กำลังเสื่อมถอยลงทุกวันเช่นกัน
การใช้ชีวิตอย่างสุดโต่งเพื่อความต้องการเพียงแค่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จนปล่อยปละละเลยสุขภาพ ลืมหาเวลาให้ตัวเองได้พักผ่อน ด้วยความกดดันที่มากเกินไปที่เหล่าคนหนุ่มสาววัยกลาง ที่นับว่าเป็น “แซนวิชเจเนอเรชั่น (Sandwich Generation)” หรือวัยแห่งการแบกรับความคาดหวัง ทั้งภาระหนี้สินรัดตัว และยังรับบทบาทพ่อแม่ และรับบทบาทลูกที่ดีอีกด้วย จึงไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะแบกรับภาระเหล่านี้ไปพร้อมกับดูแลสุขภาพของตนเองและครอบครัวอย่างทั่วถึงได้
เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน สังคมก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง รวมถึงความคิดของคนยุคใหม่ก็เริ่มเปลี่ยน ผู้คนนิยมมีลูกน้อยลง ส่งผลให้อัตราการมีลูกในประเทศไทยลดลงอย่างต่อเนื่องและเห็นได้ชัด ในขณะที่ประชากรผู้สูงอายุที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากโลกมีการพัฒนาทางด้านการแพทย์อย่างก้าวกระโดด ทำให้คนมีอายุยืนขึ้น ปัจจุบันอายุเฉลี่ยของคนไทยเพิ่มขึ้นเป็น 80 ปี จนทำให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ (Aged Society) และคาดว่าไม่กี่ปีข้างหน้าก็จะก้าวไปอีกขั้นสังคมผู้สูงวัยระดับสุดยอดในอีกไม่ช้า
ดังนั้นเพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือ เพื่อให้ตนเองหรือคนที่คุณรักได้รับการดูแลที่ดีอย่างถูกต้องด้วยทีมแพทย์ ที่มีความรู้ ความชำนาญเฉพาะทางในการดูแลผู้สูงอายุอย่างปลอดภัย ให้คุณภาพชีวิตที่ดีกับคนที่เรารักในช่วงสุดท้ายของชีวิตให้นานที่สุด ด้วยความรักอย่างเต็มเปี่ยม เราจึงอยากอธิบายว่าในปี 2024 ทำไมศูนย์ดูแลผู้สูงอายุถึงสำคัญมาก เพื่อให้หลาย ๆ ท่านได้รับรู้ถึงความสำคัญของศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ และเป็นแนวทางถึงการวางแผนที่ดีให้บั้นปลายชีวิตอย่างมีคุณภาพว่าทำไมจึงควรเข้ารับบริการจากศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ
ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ที่เป็นได้มากกว่าศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ มากกว่าบ้านพักคนชราที่หลายคนกำลังเข้าใจ หลายท่านอาจกำลังสงสัย เนื่องจากมีความเชื่อเดิม ๆ ว่าการให้บุพการีไปอยู่ในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ เป็นการทอดทิ้ง เพราะลูกหลานไม่รัก แต่ในความเป็นจริงไม่เป็นอย่างนั้น ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ หรือ Nursing Home เป็นสถานที่ดูแล พักฟื้น สำหรับผู้สูงอายุ ที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ อย่างถูกวิธี ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุที่ยังสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หรือผู้สูงอายุติดเตียง ที่ต้องได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม และสม่ำเสมอ
ยกตัวอย่างผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง หรือ สโตรก (Stroke) เป็นผู้ป่วยที่ต้องรับประทานยา และควบคุมปัจจัยเสี่ยงอย่างเคร่งครัด ในบางรายที่ไม่สามารถรับประทานอาหารได้ปกติ จำเป็นต้องให้อาหารผ่านสายยาง ผู้ดูแลจึงจำเป็นต้องมีความรู้ความชำนาญมากพอสมควร เพื่อลดการสำลักอาหาร หากครอบครัวหรือผู้ดูแลไม่มีความรู้และความเข้าใจทางการแพทย์มากพอ หรือมีเวลาไม่มากพอที่จะดูแลได้ อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตตามมาได้โดยง่าย
และอีกตัวอย่างคงต้องเป็นสภาวะที่พบได้บ่อย และเป็นปัญหาหนักอึ้ง สำหรับครอบครัว คนใกล้ชิด หรือผู้ดูแล ผู้ป่วยภาวะติดเตียง ที่ไม่สามารถลุกนั่ง ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองหรือขยับตัวขึ้นจากเตียงได้ด้วยตนเอง รวมไปถึงกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การขับถ่าย การทานอาหาร การอาบน้ำ ที่ต้องมีดูแลคอยทำให้ตลอดเวลา ซ้ำสภาวะนี้ส่งผลให้เสี่ยงต่อการเกิดแผลกดทับได้ง่าย จึงจำเป็นต้องมีการพลิกตัวทุก 30 นาที
และภาวะแทรกซ้อนที่ยังต้องระมัดระวังอย่างการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ที่สามารถเกิดขึ้นบ่อยอีกด้วย หากผู้ดูแลไม่มีความรู้ ความเข้าใจ และไม่มีเวลาก็เป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่โอกาสเกิดการติดเชื้อเหล่านี้ได้ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมศูนย์ดูแลผู้สูงอายุจึงมีความสำคัญ
ตอนต่อไป ผมจะมาท่านผู้อ่านมาชวนพิจารณาการเลือกศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่ดีนั้นว่า เราควรพิจารณาจากองค์ประกอบใดบ้าง
คอลัมน์ Healthcare Insight หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,034 วันที่ 10 - 12 ตุลาคม พ.ศ. 2567