หมอกกับฝุ่นตอนนี้แยกไม่ออกแล้วครับ หลายท่านที่ติดตามข่าวอยู่ตลอดเวลา คงได้เห็นถึงวิกฤตฝุ่น PM 2.5 กันบ้างแล้วใช่ไหมครับ เป็นอีกหนึ่งข่าวที่ผมยังอยากให้เกาะติดสถานการณ์ไว้อยู่ตลอดเวลาครับ ก่อนหน้านี้เราได้คุยกันถึงเรื่องนี้ไปบ้างบางส่วนแบบคร่าว ๆ แล้ว ดังนั้นวันนี้ผมจะพามาเจาะลึกถึงวายร้ายที่ล่องลอยในอากาศอย่างฝุ่น PM 2.5 ที่เพิ่มสูงขึ้นจนถึงขั้นวิกฤตครับ แน่นอนว่ามีผลกระทบต่อสุขภาพกับคนที่ต้องอาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงโดยตรงเลยครับ
ทราบไหมครับว่าตอนนี้มีผู้คนที่ต้องอาศัยอยู่ท่ามกลางศัตรูเงียบในอากาศอย่างฝุ่น PM 2.5 ที่เกินค่ามาตรฐานถึง 38 ล้านคน ที่น่าตกใจพบว่ามีผู้ป่วยเพราะเกี่ยวข้องกับฝุ่นมากถึง 500,000 ราย ไม่ว่าจะเป็นโรคผิวหนังอักเสบ โรคตาอักเสบ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหอบหืด ซึ่งที่น่าเป็นห่วงและต้องระวังเป็นพิเศษก็ยังต้องเป็นกลุ่มเปราะบางอย่างผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวครับ
ฝุ่น PM 2.5 ซึ่งมีขนาดเล็กมากจนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่สามารถลอยอยู่ในอากาศได้นาน และเข้าสู่ปอดของเราได้โดยตรง ทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพหลายอย่าง รวมถึงคุณภาพชีวิตด้วย โดยเฉพาะในพื้นที่เมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ที่มีการจราจรหนาแน่นและพื้นที่เกษตรกรรมที่มีการเผาไหม้พืชผล มีมลพิษเยอะ หรือจังหวัดที่อยู่ทางภาคเหนือ ที่อาจเริ่มรู้สึกถึงผลกระทบจากฝุ่นนี้บ้างแล้วใช่ไหมครับ
จากรายงานสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในปี 2567 ที่ผ่านมาพบว่ายังคงรุนแรงในหลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะในภาคเหนือ และเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ค่าฝุ่นเกินมาตรฐานถึงระดับสีแดง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่โดยตรงเลยครับ
กลายเป็นสถานการณ์ที่ชวนให้เครียดจนทำให้เราคิดไม่ตกใช่ไหมครับ เพราะเราก็คงไม่สามารถขังตัวเองอยู่แค่ภายในบ้านได้ตลอดเวลา ยังจำเป็นต้องออกไปใช้ชีวิตข้างนอกกันอยู่ครับ ดังนั้นถ้าแก้ปัญหาที่ต้นเหตุไม่ได้ อย่างน้อยก็มาป้องกันที่ตัวเราเองกันดีกว่าครับ อย่างที่ผมได้เคยอธิบายวิธีป้องกันและดูแลสุขภาพไปแล้ว ดังนั้นวันนี้มาดูอุปกรณ์สำคัญในการป้องกันฝุ่น PM 2.5 อย่างหน้ากากอนามัยกันดีกว่าครับ
ต้องอธิบายก่อนครับว่าหน้ากากอนามัยไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อกันฝุ่น PM 2.5 โดยเฉพาะได้ทุกรุ่นครับ ยิ่งพื้นที่สีแดงยิ่งน่าเป็นห่วงมากเลยครับ เพราะฝุ่นมีขนาดเล็กมาก ซึ่งเล็กจนเราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และด้วยความที่มีขนาดเล็กมากจึงสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ถึงปอด รวมทั้งสามารถเข้าสู่กระแสเลือดได้โดยตรง เมื่อเราหายใจเอาฝุ่นเข้าไปก็จะทำให้เกิดการระคายเคืองอักเสบ ที่ปอดและหลอดลมได้เลยครับ ดังนั้นหน้ากากอนามัยจึงสำคัญมากครับ
สำหรับการป้องกันฝุ่น PM 2.5 หน้ากากที่สามารถป้องกันได้ดีที่สุด คือ หน้ากาก N95 เนื่องจากมีคุณสมบัติพิเศษมาตรฐานสหรัฐอเมริกา ในการกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กถึง 2.5 ไมครอนได้ดีมาก สามารถกรองฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กได้ถึง 95% และนอกจากหน้ากาก N95 แล้วยังมีหน้ากากอื่นที่สามารถใช้แทนกันได้ ช่วยป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้ดีในระดับหนึ่งคือ
• หน้ากาก KN95 เป็นมาตรฐานจากประเทศจีน ทดสอบกับฝุ่นอนุภาค 0.3 ไมครอน ประสิทธิภาพป้องกันฝุ่นได้มากถึง 95% เทียบเท่า N95
• หน้ากาก KF94 เป็นมาตรฐานจากประเทศเกาหลีใต้ มีประสิทธิภาพในการกรองฝุ่นที่มีขนาดเล็กได้ถึง 94%
หากเป็นไปได้ก็อยากให้เลือกหน้ากาก 3 รุ่นนี้เอาไว้ก่อนครับ เชื่อว่าหลายท่านคงไม่ทราบและยังสวมใส่เพียง Surgical Mask แบบทั่วไปอยู่ใช่ไหมครับ แต่หากใช้หน้ากากนี้อาจต้องใช้มากถึง 3 ชั้นถึงจะป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้แน่นอนว่าคงร้อนและอึดอัด ความเป็นจริงแล้ววัตถุประสงค์ของการใช้งานได้ถูกแบ่งแยกเอาไว้อย่างชัดเจน
ดังนั้นหน้ากาก Surgical Mask จึงไม่เหมาะสำหรับการป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้ดีเท่ากับหน้ากากที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการกรองฝุ่นอย่าง N95, KN95, หรือ KF94 เนื่องจากหน้ากากผ่าตัด มีคุณสมบัติในการกรองที่ต่ำกว่า และออกแบบมาเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคในสภาพแวดล้อมทางการแพทย์มากกว่าฝุ่นนั่นเองครับ
คอลัมน์ Healthcare Insight หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,078 วันที่ 13 - 15 มีนาคม พ.ศ. 2568