พระมหาเฮนชาวกัมพูชา เก่งเหลือเชื่อเรียนภาษาไทย 4 วัน เพิ่มทักษะเรื่อยๆ 10 ปี สอบได้บาลี ป.ธ.9 และ ป.ตรี วิทยาลัยเทพสตรี ถือว่าเป็นความอัศจรรย์เหนือความคาดหมายสำหรับชาวต่างชาติ
ผมติดตามเฟสบุ๊คที่มีรายการบันทึกเปรียญ 9 ดำเนินการโดยอาจารย์ที่เป็นอดีตมหาเปรียญ 9 ได้แก่ รองศาสตราจารย์ ดร.สมหวัง แก้วสุฟอง ผศ.ดร.ชัยณรงค์ ศรีมันตะ และอาจารย์ ชาญพล สุขดี เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 ได้ฟังพระที่เป็นแขกรับเชิญในรายการแล้ว อดไม่ได้ที่จะต้องเอามาเล่าต่อ เพราะมีเรื่องน่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง สำหรับพระภิกษุชาวกัมพูชารูปนี้ที่ผู้ดำเนินรายการนิมนต์มาออกรายการ
ท่านมีนามว่าพระมหาเฮน อินทโชโต นามสกุลฮวด วุฒิ น.ธ.เอก ป.ธ. 9 ปัจจุบันสังกัดวัดโคกกะเทียม จ.ลพบุรี ประเทศไทย
ใครได้ฟังประวัติชีวิตของท่าน ก็ต้องทึ่งไปตามๆ กัน แม้กระทั่งผู้ดำเนินรายการที่เป็นมหา 9 ประโยค เมื่อทราบว่าท่านใช้เวลาเพียง 4 วัน เรียนภาษาไทยที่วัดโคกกะเทียม แต่สามารถเรียนบาลีนักธรรมจบชั้นสูงสุดในแผนกธรรมและบาลีของไทยในเวลา 10 ปีแค่นั้น
ในตอนที่เรียนภาษาไทยนั้น ท่านมีอายุ 20 ปีแล้ว บวชพระได้เพียง 1 สัปดาห์ ก็เข้ามาเมืองไทย เพื่อเรียนนักธรรม บาลี ตามที่รุ่นพี่รุ่นอาจารย์แนะนำ แต่ต้องหัดเรียนภาษาไทยชั้นอนุบาล
ในแผ่นโฆษณาทางเฟสบุ๊ค ผู้ดำเนินรายการแจ้งว่าท่านมีภูมิลำเนา ที่ตำบลโอโอนดง อำเภอแปรกปรา กรุงพนมเปญ จังหวัดกัณดาล
ด้านการศึกษาพ.ศ.2563 จบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี
2560 สอบได้ ป.ธ.6 พ.ศ.2566 สอบได้ ป.ธ.9
ปัจจุบันเป็นครูสอนบาลีประโยค7-8-9 ที่สำนักเรียนวัดโคกกะเทียม ลพบุรี ทางสำนักเรียนนี้ ชื่นชมว่าท่านเป็นรูปแรกของสำนักที่สอบ ป.ธ.9 ได้ หลังจากที่ตั้งสำนักเรียนมาได้ 10 ปี
ก่อนมาไทยท่าน(เป็นสามเณร) คิดว่า เรียนในไทย 8 ปีจบก็กลับกัมพูชา โดยไม่รู้มาก่อนว่าเรียนบาลีกว่าจะสอบได้นั้นแสนยากนัก
ยิ่งท่านเริ่มเรียนภาษาไทยจากศูนย์ หรือเริ่มเรียน ก.ไก่ ข.ไข่ แบบอนุบาล ไม่ต้องพูดถึงภาษาพูดเพราะพูดไทยไม่ได้ จะมีอุปสรรคแค่ไหน
ท่านเล่าว่าเคยดูซีดี ละครไทยตอนเป็นเด็ก แต่ก็เป็นภาคภาษากัมพูชา และชอบภาษาไทยจากการที่คนแปลในซีดีแปลไม่ทัน ปล่อยหลุดออกมา
ส่วนเพลงไทยนั้นชอบมาก หัดร้องจนคล่อง แม้ว่าจะไม่เข้าใจความหมายก็ตามเพราะตอนรุ่นๆ อายุ 15-16 ปี อยากเป็นนักร้อง เมื่อจบ ม.3 ไม่เรียนต่อจึงทำงาน(ก่อสร้าง) ได้แบ่งเงินเดือนให้พ่อแม่แล้ว ที่เหลือเอาไปตัดเสื้อใหม่เพื่อใส่ร้องเพลง
เมื่อมาเมืองไทยได้เรียนสมปรารถนาก็มีความมุ่งมั่นตั้งใจสิ่งใด ต้องทำให้สำเร็จ ดังคติประจำใจว่า "จงอดทนและมุ่งมั่นเพื่อให้สำเร็จเป้าหมาย"
เมื่อครูแนะการเรียนภาษาไทย 4 วัน แล้วก็ปล่อยให้ไปฝึกฝนเอง จึงหัดอ่าน หัดผสมตัวและท่องจำ ภาษาไทยคำใดไม่รู้ไม่เข้าใจก็ถามผู้ที่เคยเรียนมาก่อนและเป็นความโชคดี ที่ภาษาไทยกับเขมร ไม่ต่างกันมากนัก ทำให้ทำความเข้าใจได้เร็ว
นอกจากหัดเรียนภาษาไทยแล้ว ต้องท่องบาลีไวยากรณ์ อีก 4 เล่ม เมื่อท่องได้จึงเข้าห้องเรียน เพื่อเรียนให้รู้จนสามารถเข้าใจหลักไวยากรณ์ เพื่อแปลพระธรรมบท สำหรับเตรียมสอบบาลีชั้น ประโยค 1-2
ในขณะเดียวกันต้องเรียนนักธรรมชั้นตรีและต้องสอบให้ได้ มิเช่นนั้น ไม่มีสิทธื์สอบบาลีชั้นต้นๆ
เมื่อเรียนบาลีชั้นสูงขึ้น ต้องสอบนักธรรมชั้นโทและเอกให้ได้เช่นกัน ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น หรือตามคติประจำตัวของท่านที่กล่าวข้างต้น
ก็เป็นความเหลือเชื่ออีกเช่นกัน ปีแรกนั้นพระภิกษุเฮน อินทโชโต สอบได้ทั้งนักธรรมชั้นตรี และบาลีประโยค 1-2 ขนาดภิกษุสามเณรไทย ยังทำไม่ค่อยได้
ในปีต่อๆ มา ท่านสอบไม่เคยตก ทั้งนักธรรมชั้นโท ชั้นเอกและบาลีประโยค ป.ธ.3 ถึง ป.ธ.7 แบบนี้ในวงการท่านเรียกยอดนักเรียนเก่ง ท่านมาสอบป.ธ.8 ตก เพราะการแต่งฉันท์ที่ต้องเข้าใจภาษาไทยสามารถตีความ ย่อความได้ แต่เป็นของใหม่สำหรับท่าน
นอกจากนั้นติดภาระการสอนบาลีที่วัดโคกกะเทียม ติดภาระการเรียนปริญญาตรีที่วิทยาลัยเทพสตรี ทำให้การเรียน ป.ธ.8 ทำได้ไม่เต็มที่จึงสอบตก ไม่ใช่ตกปีเดียวแต่ตกถึง 2 ปี เมื่อเรียนป.ธ.9 ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะสอบให้ได้ จึงลาอาจารย์วัดโคกกะเทียมมาเรียนที่วัดโมลีโลกยาราม สำนักเรียนบาลีดีเด่นดังของประเทศ แต่สอบตก
เพราะมีเรื่องเสียใจมาก ที่โยมแม่เสียชีวิต ทำให้หมดกำลังใจ เกือบเลิกเรียน แต่ขณะที่ยืนดูทะเลที่บ้านน้องสาวที่กัมพูชา หลังทำงานศพให้แม่เสร็จแล้วทำให้ได้คิดว่าก่อนแม่ตาย แม่เคยบอกให้เรียนจบป.ธ.9 แล้วกลับมาอยู่วัดใกล้บ้าน จึงได้สติ มาเรียนแต่สอบตก
ปี 2566 จึงสอบ ป.ธ.9 ได้
วันรับพัดเปรียญ 6 ก็ดี เปรียญ 9 ก็ดี โยมพ่อมาด้วย
จำได้ว่าวันรับพัดเปรียญ 6 พระราชทานในวัดพระศรีรัตนศาสดารามนั้น
พอใกล้เวลาเสด็จ บอกโยมพ่อให้คอยข้างนอก
โยมพ่อไม่ว่าอะไรแต่สงสัยว่าเข้าใกล้ที่รับเสด็จไม่ได้หรือ
จึงบอกว่าเข้าได้เฉพาะคนสำคัญ โยมถามว่าท่านก็คนสำคัญนะซี จึงตอบว่าใช่ ต้องรับพระราชทานพัดจากพระหัตถ์ของพระเจ้าอยู่หัว
โยมทราบก็ปลื้มใจ
โยมพ่อว่าสอบชั้นป.ธ.9 ได้จะมาอีก ส่วนโยมแม่ ถ้าไม่เสียไปก่อน คงต้องมาร่วมยินดีด้วยแน่นอน
ก่อนจะมีวันนี้ ท่านเฮนต้องผ่านเรื่องตื่นเต้น มาตั้งแต่เด็กๆ
ท่าน เล่าว่าท่านเกิดที่ จังหวัดกันดาลกรุงพนมเปญ
เรียนหนังสือจบ ม.3 แต่เป็นเด็กที่ไม่อยู่ในโอวาทของพ่อ ทำให้พ่อไม่ค่อยชอบหน้า แถมไม่ตั้งใจเรียน มักตามเพื่อนไปยิงนกตกปลา ตีผึ้งในป่า ในทุ่งนาเพื่อหารายได้เข้าบ้าน แต่พ่อรู้ก็เฆี่ยนตีเพื่อลงโทษแต่ไม่เข็ด
วันหนึ่งอายุ 8 ขวบไปนั่งตกปลาที่บ้านป้า โดยนั่งที่ปลายสะพานไม้ที่ยื่นไปชายน้ำ ส่วนที่หัวสะพานนั้นป้านั่งอยู่ก่อน
เมื่อป้าลุกไป สะพานที่ไม่มีอะไรยึดจึงกระดก
ดช.เฮนตกน้ำ แต่ไม่ถึงที่ตาย ป้ารีบวิ่งมาช่วยจึงรอดมาได้
เรื่องถึงหูพ่อ จึงถูกลงโทษด้วยการเฆี่ยนตีอย่างหนัก (แทนที่จะสงสารเพราะตกน้ำจวนตาย)
เมื่อเรียน ม.1 บ้านกับโรงเรียนห่างกัน 5 กม. ต้องตื่นเช้าเดินไปโรงเรียนและเดินกลับบ้านรวม 10 กม. เหนื่อยมาก ต่อมาลุงสงสารซื้อจักรยานให้ 1 คันดีใจมาก จนกระทั่งเรียนจบ ม.3 แต่ไม่ได้เรียนต่อ จึงหางานทำเพราะอายุ 15 ปีแล้ว
งานที่ทำเป็นงานก่อสร้างได้เงินค่าจ้างมา มอบให้พ่อ ตัวเองเก็บไว้ซื้อเสื้อหรือตัดใหม่ส่วนหนึ่ง เพื่อใส่ไปร้องเพลง เพราะชอบร้องเพลง
ชีวิตเปลี่ยน เมื่อมีความรักและอกหักแต่ไม่เสียใจ เพราะบอกเลิกหญิงที่รักนั้นก่อน
ส่วนเพื่อนที่เคยคบกันมา ชวนไปวัด ถามว่าไปทำไม เพื่อนว่าเตรียมท่องบทสวดเพื่อจะบวช ก็ตามไปเป็นเพื่อน
ในส่วนตัวนั้นคิดอยากบวชเหมือนกัน เมื่ออ่านการ์ตูนเรื่ององคุลีมาล จึงชอบมากและเรียนรู้พุทธประวัติจากพระเพิ่มอีก จึงคิดหนักไปทางบวช
วันหนึ่งบริษัทที่ทำงานย้ายไปสร้างโบสถ์ ทำให้ใกล้วัดมากขึ้น
ที่วัดนั้นเห็นพระและสามเณรห่มผ้าถือหนังสือจึงถามว่าจะไปไหน สามเณรว่าจะไปเรียนหนังสือ พร้อมทั้งเล่าว่าเรียนสนุกดีนะ ทำให้ตัดสินใจว่าอยากบวชแล้ว คนรอบข้างรู้หมด เว้นแต่พ่อกับแม่
วันหนึ่ง กลับจากทำงานจึงเก็บตัวในห้องว่าจะเอาไงดี
เมื่อพ่อเรียกกินข้าว จึงเดินไป แบบไม่ได้ตั้งใจไปกินข้าว แต่จะไปบอกพ่อแม่ว่าจะบวช จึงคุกเข่าแล้วบอกว่าจะบวช แม่กำลังกินข้าวแต่กลืนไม่ลงน้ำตาไหล พ่อก็ชะงัก พ่อถามย้ำว่าบวชแน่นะ ในที่สุดก็บวชเณรเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2553 อายุ 18 ปี ท่องสวดมนต์เรียนนักธรรมตรี เรียนภาษาอังกฤษภาษาจีนผ่านไป 2 ปีอายุครบ 20 ปี พบพระกัมพูชาที่เรียนในไทยกลับไปที่วัดที่ตนอยู่จึงขอความรู้เรื่องเรียนในไทย
ท่านแนะให้บวชพระก่อนมาไทย
จึงบวชพระวันที่ 5 พฤษภาคม 2555
ผ่านไปได้ 1 สัปดาห์ก็เดินทางมาเมืองไทยไปพักวัดตะล่อม (จรัญ13)
มีพระที่รู้จักกันชื่อสมบัติ ชาวกัมพูชาเหมือนกันมารับ หลังจากอยู่วัดตะล่อม 1 คืนแล้วเดินทางมาวัดโคกกะเทียมลพบุรี กับพระสมบัติ
ก่อนมาลพบุรี พยายามใช้โทร.ติดต่อวัดในกรุงเทพ 5 วัดแต่ไม่มีใครรับ เพราะเจ้าอาวาสทุกวัดพอทราบว่าเป็นชาวกัมพูชาก็ปฏิเสธ เนื่องจากพระกัมพูชาเป็นข่าวลบตลอด
แต่โชคดีท่านสมบัติพามาวัดโคกกะเทียม ลพบุรี
ขณะที่พระสมบัติคุยกับเจ้าอาวาสผ่านไปหลายชั่วโมง ตนขอตัวมานั่งใต้ต้นมะม่วงข้างนอกรำพึงกับตนเองว่าชีวิตทำไมเร่ร่อน จะกลับบ้านเงินเหลือเพียง 500 บาท(ตอนเข้าไทยแลกมา 1 พันบาท ซื้อซิมโทรศัพท์ซื้อน้ำปานะบ้าง จึงเหลือ 500 บาท)
ในที่สุดได้อยู่วัดโคกกะเทียม และคิดว่าจะคุยกับใครรู้เรื่องไหม
เมื่อวัดตีระฆังให้พระเณรมากวาดวัดตอนเย็นเห็นพระเณรมากไม่รู้ว่ามาจากไหน ทุกรูปเป็นคนกัมพูชาและเวียดนาม
ท่านเล่าว่าเข้าอยู่วัดโคกกะเทียมวันที่ 15 พฤษภาคม 2555
วันแรกเรียกเรียนภาษาไทยผู้สอนชื่อพระมหานรินทร์ องอัคคทาโน(ตอนนี้อยู่สหรัฐอเมริกา) ท่านสอนอ่าน ก.ไก่ วันแรก วันที่ 2 สอนสระ วันที่ 3 สอนวรรณยุกต์ วันที่ 4
สอนวิธีผสมคำ จากนั้นให้ท่องฝึกฝนเอง
และให้ท่องบาลีไวยากรณ์อีก 4 เล่ม จำได้แล้วจึงเข้าเรียนในชั้น เพื่อเตรียมเรียนบาลีประโยค 1-2 ที่สำคัญต้องเรียน น.ธ.ตรี และต้องสอบให้ได้ เพื่อใช้สิทธิ์สอบบาลี
ปีแรกท่านสอบได้ทุกชั้น
ต่อมาก็สอบชั้นป.ธ.3 ถึง ป.ธ.7 ไม่ตกเลย
เมื่อสอบป.ธ.8 ตก 2 ปี เพราะวิชาแต่งฉันท์ยากมาก
เมื่อเรียน ป.ธ.9 ตั้งใจว่าต้องสอบได้ในปีเดียว จึงมาเรียนที่วัดโมลีโลกยาราม
ขณะที่เรียนโยมแม่เสียชีวิต จึงเสียใจไปจัดงานศพแม่เสร็จ กะว่าจะเลิกเรียน วันหนึ่งยืนดูน้ำทะเลที่บ้านน้องสาวคิดได้ว่า แม่ขอให้เรียนจบป.ธ.9 ได้สติจึงกลับมาไทยแต่สอบป.ธ.9 ตก
ปี พ.ศ.2566 จึงสอบได้
ชีวิตการเรียนภาษาไทยบาลีและนักธรรมเริ่มต้นที่นี่ เมื่อ 15 พฤษภาคม 2555 ที่เข้าอยู่วัดโคกกะเทียม
สามารถสอบผ่านได้ทุกชั้นสมปรารถนา
ท่านมหาเฮนเล่าถึงปณิธานในการเรียนว่า
1 พูดกับอาจารย์พระมหานรินทร์ที่สอนภาษาไทยและบาลีประโยค 1-2 จะไม่จากวัดโคกกระทียม ถ้าไม่ได้ประโยค 9
อีกครั้งหนึ่งกำลังแปลธรรมบทภาค 5 เมื่ออาจารย์เจ้าอาวาสถามว่าบวชนานแค่ไหน พอทราบว่าเราเพิ่งบวชใหม่ เจ้าอาวาสส่ายศีรษะแล้วพูดว่าท่านไม่หวังอะไร
แต่ท่านเฮนคิดว่าเราจะทำให้ท่านดูแล้วเขียนในหนังสือนั้น
และทำได้ใน 10 ปี
ท่านได้เล่าความเมตตาของเจ้าอาวาสวัดโคกกระเทียม พระมหาสมบัติ อิสรธมฺโมว่า ช่วยออกเงิน 2 พันบาทเป็นค่าต่อวีซ่าให้ท่าน จึงคิดหาทางตอบแทน จึงท่องปาติโมกข์ หลังจากสอบบาลีประโยค 1-2 เพื่อช่วยวัด
เมื่ออยู่กัมพูชาอยากท่องปาติโมกข์เหมือนกัน แต่ถอดใจเพราะเป็นหนังสือเล่มใหญ่ จึงท่องได้หน้าเดียว
ที่อยากท่องปาติโมกข์ตั้งแต่เป็นสามเณร เพราะหลวงตาเล่าว่ามีบางคำท่องแล้วหายตัวได้ จึงอยากหายตัวบ้าง
อย่างไรก็ตามมาอยู่วัดโคกกระเทียมปีแรกก็สวดปาติโมกข์ได้โดยใช้เวลาท่อง 2 เดือนเท่านั้น
ที่เล่ามาทั้งหมด เพื่อบอกว่าพระต่างชาติต่างภาษาแต่เรียนภาษาเริ่มจาก ก.ไก่ จนสามารถสอบบาลีประโยคสูงสุดของการศึกษาปริยัติธรรมของไทยได้ แล้วคนไทยละครับ ทำอะไรอยู่
(ขอบคุณรายการบันทึกเปรียญ9 ทางเฟสบุ๊ค)