พระภิกษุหนุ่มชาวกัมพูชา​เรียนภาษา​ไทย​ 4​ วัน​ พัฒนาจนสอบได้เปรียญ​ 9

22 มี.ค. 2567 | 20:03 น.

พระภิกษุหนุ่มชาวกัมพูชา​เรียนภาษา​ไทย​ 4​ วัน​ พัฒนาจนสอบได้เปรียญ​ 9 ​เหลือเชื่อจริงๆ คอลัมน์ สังฆานุสติ โดย บาสก

พระมหาเฮน​ชาวกัมพูชา​ เก่งเหลือเชื่อ​เรียนภาษาไทย​ 4 ​วัน​ เพิ่มทักษะเรื่อยๆ ​10​ ปี ​สอบได้​บาลี ​ป.ธ.9​ และ​ ป.ตรี​ วิทยาลัยเทพสตรี​ ถือว่า​เป็นความอัศจรรย์​เหนือความคาดหมายสำหรับชาวต่างชาติ
 
ผมติดตามเฟสบุ๊ค​ที่มีรายการบันทึกเปรียญ​ ​​9​ ดำเนินการ​โดยอาจารย์ที่เป็น​อดีตมหา​เปรียญ​ 9 ​ได้แก่ ​รองศาสตราจารย์​ ดร.สมหวัง​ แก้วสุฟอง ผศ.ดร.ชัยณรงค์​ ​ศรีมันตะ และ​อาจารย์​ ชาญพล​ สุขดี เมื่อวันที่​ 21​ กุมภาพันธ์​ 2567​ ได้ฟังพระที่เป็นแขกรับเชิญในรายการ​แล้ว​ อดไม่ได้ที่จะต้องเอามาเล่าต่อ​ เพราะมีเรื่องน่าอัศจรรย์​อย่างยิ่ง​ สำหรับพระภิกษุ​ชาวกัมพูชา​รูปนี้ที่ผู้ดำเนินรายการนิมนต์มาออกรายการ
 

ท่านมีนามว่าพระมหาเฮน​ อินทโชโต​ นามสกุล​ฮวด​ ​วุฒิ​ น.ธ.เอก ป.ธ. 9​ ปัจจุบันสังกัดวัดโคกกะเทียม​ จ.​ลพบุรี​  ประเทศไทย 

ใครได้ฟังประวัติชีวิตของท่าน​ ก็ต้องทึ่งไปตามๆ​ กัน​ แม้กระทั่งผู้ดำเนินรายการที่เป็นมหา​ ​9​ ประโยค เมื่อทราบว่าท่านใช้เวลา​เพียง​ 4​ วัน เรียน​ภาษาไทย​ที่วัดโคกกะเทียม ​แต่สามารถเรียนบาลี​นัก​ธรรม​จบชั้นสูงสุดในแผนกธรรมและบาลีของไทย​ในเวลา 10​ ปีแค่นั้น

พระมหาสมบัติ อิสรธมฺโม เจ้าสำนักและเจ้าอาวาสวัดโคกกะเทียม (ขวา) แสดงความยินดีกับพระมหาเฮน(ซ้าย) ที่สอบป.ธ.9 ได้เป็นรูปแรกของสำนักเรียน

ในตอนที่เรียนภาษาไทยนั้น ​ท่านมีอายุ 20​ ​ปีแล้ว​ บวชพระได้เพียง​ 1​​ สัปดาห์​ ก็เข้ามาเมืองไทย​ เพื่อเรียน​นักธรรม​ บาลี​ ตามที่รุ่นพี่รุ่นอาจารย์แนะนำ​ แต่ต้องหัดเรียนภาษาไทยชั้นอนุบาล​

ในแผ่นโฆษณาทางเฟสบุ๊ค​ ผู้ดำเนินรายการ​แจ้งว่า​ท่านมีภูมิลำเนา​ ที่ตำบลโอโอนดง​ อำเภอแปรกปรา กรุงพนมเปญ​ จังหวัดกัณดาล

ด้านการศึกษา​พ.ศ.​2563​ จบปริญญาตรี​จากมหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี​

2560 สอบได้​ ป.ธ.​6​ พ.ศ.​2566​ ​สอบได้​ ป.ธ.​9

ปัจจุบันเป็นครูสอนบาลีประโยค​7-8-9 ที่สำนักเรียนวัดโคกกะเทียม​ ​ลพบุรี ทางสำนักเรียนนี้ ชื่นชมว่าท่านเป็นรูปแรกของสำนักที่สอบ​ ป.ธ.9​ ได้​ หลังจากที่ตั้งสำนักเรียนมาได้​ 10​ ปี

ก่อนมาไทยท่าน​(เป็นสามเณร)​ คิดว่า​ เรียนในไทย​ 8​ ​ปีจบ​ก็กลับ​กัมพูชา​ โดยไม่รู้มาก่อนว่าเรียนบาลีกว่าจะสอบได้นั้นแสนยากนัก
 
ยิ่งท่านเริ่มเรียนภาษาไทยจากศูนย์​ หรือเริ่มเรียน​ ก.ไก่​ ​ข.ไข่​ แบบอนุบาล​ ​ไม่ต้องพูดถึงภาษาพูด​เพราะพูดไทยไม่ได้​ จะมีอุปสรรคแค่ไหน

ท่านเล่าว่าเคยดู​ซีดี​ ละครไทยตอนเป็นเด็ก​ แต่ก็เป็นภาคภาษากัมพูชา​ และชอบภาษาไทยจากการที่คนแปลในซีดีแปลไม่ทัน​ ปล่อยหลุดออกมา

ส่วนเพลงไทยนั้นชอบมาก​ หัดร้องจนคล่อง​ แม้ว่าจะไม่เข้าใจความหมายก็ตาม​เพราะตอนรุ่นๆ​ อายุ​ ​15-​16​ ปี อยากเป็นนักร้อง​ เมื่อจบ ม.3​ ไม่เรียนต่อ​จึงทำงาน(ก่อสร้าง) ​ได้​แบ่งเงินเดือนให้พ่อแม่แล้ว​ ที่เหลือเอาไปตัดเสื้อใหม่เพื่อใส่ร้องเพลง

เมื่อมาเมืองไทยได้เรียนสมปรารถนา​ก็มีความมุ่งมั่น​ตั้งใจสิ่งใด​ ต้องทำให้สำเร็จ​ ดังคติประจำใจว่า "จงอดทนและมุ่งมั่นเพื่อให้สำเร็จเป้าหมาย" 

เมื่อครูแนะการเรียนภาษาไทย​ ​4​ ​วัน แล้วก็ปล่อยให้ไปฝึกฝนเอง​ จึงหัดอ่าน​ หัดผสมตัว​และท่องจำ​ ภาษาไทย​คำใดไม่รู้ไม่เข้าใจก็ถามผู้ที่เคยเรียนมาก่อน​และเป็นความโชคดี​ ที่ภาษาไทยกับเขมร​ ไม่ต่างกันมากนัก​ ทำให้ทำความเข้าใจได้เร็ว

นอกจาก​หัดเรียนภาษาไทย​แล้ว​ ต้องท่องบาลีไวยากรณ์​ อีก​ 4​ เล่ม​ เมื่อท่องได้​จึงเข้าห้องเรียน​ เพื่อเรียนให้รู้จนสามารถเข้าใจหลักไวยากรณ์​ เพื่อแปลพระธรรมบท​ สำหรับเตรียมสอบบาลีชั้น​ ประโยค 1-2

ในขณะเดียวกันต้องเรียนนักธรรมชั้นตรี​และต้องสอบให้​ได้​ มิเช่นนั้น​ ไม่มีสิทธื์​สอบ​บาลีชั้นต้นๆ​ 

เมื่อเรียนบาลีชั้นสูงขึ้น​ ​ต้องสอบนักธรรมชั้น​โทและเอกให้ได้เช่นกัน ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น หรือตามคติประจำตัวของท่านที่กล่าวข้างต้น 

ก็เป็นความเหลือเชื่ออีกเช่นกัน​ ปีแรกนั้นพระภิกษุเฮน​ อินทโชโต​ สอบได้ทั้งนักธรรมชั้นตรี​ และบาลีประโยค​ 1-2​ ​ขนาดภิกษุสามเณรไทย​ ยังทำไม่ค่อยได้

ในปีต่อๆ​ มา​ ท่านสอบไม่เคยตก ทั้งนักธรรมชั้นโท ชั้นเอก​และบาลีประโยค​ ป.ธ.​3​ ถึง​ ป.ธ.​7​ แบบนี้ในวงการท่านเรียกยอดนักเรียน​เก่ง ท่านมาสอบ​ป.ธ.8​ ตก​ เพราะการแต่งฉันท์​ที่ต้องเข้าใจภาษาไทย​สามารถตีความ​ ย่อความได้​ แต่เป็นของใหม่สำหรับท่าน

นอกจากนั้นติดภาระการสอนบาลีที่วัดโคกกะเทียม​ ติดภาระการเรียนปริญญาตรี​ที่วิทยาลัยเทพสตรี ทำให้การเรียน ป.ธ.8​ ทำได้ไม่เต็มที่จึงสอบตก​ ไม่ใช่ตกปีเดียวแต่ตกถึง​ 2​ ​ปี เมื่อเรียนป.ธ.9​ ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะสอบให้ได้​ จึงลาอาจารย์​วัดโคกกะเทียม​มาเรียนที่วัดโมลีโลกยาราม​ สำนักเรียนบาลีดีเด่นดัง​ของประเทศ​ แต่สอบตก
 
เพราะมีเรื่องเสียใจมาก​ ที่โยมแม่เสีย​ชีวิต​ ทำให้หมดกำลังใจ​ เกือบเลิกเรียน​ แต่ขณะที่ยืนดูทะเล​ที่บ้านน้องสาว​ที่กัมพูชา​ หลังทำงานศพให้แม่เสร็จแล้วทำให้ได้คิดว่าก่อนแม่ตาย​ แม่​เคยบอกให้เรียนจบ​ป.ธ.​9 ​แล้วกลับมาอยู่วัดใกล้บ้าน​ จึงได้สติ​ มาเรียนแต่สอบตก

ปี​ 2566​ จึงสอบ​ ป.ธ.9​ ได้

วันรับพัดเปรียญ​ ​6​ ก็ดี เปรียญ 9​ ​ก็ดี​ โยมพ่อมาด้วย

จำได้ว่าวันรับพัด​เปรียญ​ ​6​ พระราชทานในวัดพระศรีรัตนศาสดารามนั้น​

พอใกล้เวลาเสด็จ​ บอกโยมพ่อให้คอยข้างนอก

โยมพ่อไม่ว่าอะไร​แต่สงสัยว่าเข้าใกล้ที่รับเสด็จไม่ได้หรือ

จึงบอกว่าเข้าได้เฉพาะคนสำคัญ​ โยมถามว่าท่านก็คนสำคัญนะซี จึงตอบว่าใช่​ ต้องรับพระราชทานพัดจากพระหัตถ์ของพระเจ้าอยู่หัว​

โยมทราบก็ปลื้มใจ

โยมพ่อว่าสอบ​ชั้น​ป.ธ.9​ ได้จะมาอีก​ ส่วนโยมแม่ ถ้าไม่เสียไปก่อน​ คงต้องมาร่วมยินดีด้วยแน่นอน

ก่อนจะมีวันนี้ ท่านเฮนต้องผ่านเรื่องตื่นเต้น​ มาตั้งแต่เด็กๆ​

ท่าน​ เล่าว่าท่านเกิดที่​ จังหวัดกันดาลกรุงพนมเปญ​

เรียนหนังสือจบ​ ​ม.3​ แต่เป็นเด็กที่​ไม่อยู่ในโอวาทของพ่อ ทำให้พ่อไม่ค่อยชอบ​หน้า แถมไม่ตั้งใจเรียน​ มักตามเพื่อนไป​ยิงนกตกปลา​ ตีผึ้ง​ในป่า​ ในทุ่งนาเพื่อหารายได้เข​้าบ้าน​ แต่พ่อรู้ก็เฆี่ยนตี​เพื่อลงโทษ​แต่ไม่เข็ด
 
วันหนึ่งอายุ​ 8​ ขวบ​ไปนั่งตกปลาที่บ้านป้า​ โดยนั่งที่ปลายสะพานไม้ที่​ยื่นไปชายน้ำ ส่วนที่หัวสะพานนั้นป้านั่งอยู่ก่อน

เมื่อป้าลุกไป​ สะพานที่ไม่มีอะไรยึดจึงกระดก​

ดช.เฮน​ตกน้ำ​ ​แต่ไม่ถึงที่ตาย​ ป้ารีบวิ่งมาช่วย​จึงรอด​มาได้

เรื่องถึงหูพ่อ ​จึงถูกลงโทษ​ด้วยการเฆี่ยนตีอย่างหนัก​ (แทนที่จะสงสารเพราะตกน้ำจวนตาย)​
 
เมื่อเรียน ม.​1​ บ้านกับ​โรงเรียน​ห่างกัน​ 5​ กม.​ ต้องตื่นเช้าเดินไปโรงเรียน​และเดินกลับบ้านรวม ​10​ กม.​ เหนื่อยมาก​ ต่อมาลุงสงสารซื้อจักรยานให้​ 1​ คัน​ดีใจมาก​ จนกระทั่งเรียนจบ​ ม.3​ แต่ไม่ได้เรียนต่อ​ จึงหางานทำเพราะอายุ ​15​ ปีแล้ว

​งานที่ทำเป็นงานก่อสร้าง​ได้เงินค่าจ้างมา​ มอบให้พ่อ​ ตัวเองเก็บไว้ซื้อเสื้อ​หรือตัดใหม่​ส่วนหนึ่ง เพื่อใส่ไปร้องเพลง​ เพราะชอบร้องเพลง

ชีวิตเปลี่ยน​ เมื่อมีความรักและอกหักแต่ไม่เสียใจ เพราะบอกเลิกหญิงที่รักนั้นก่อน

ส่วนเพื่อนที่เคยคบกันมา ชวนไปวัด​ ถามว่าไปทำไม​ เพื่อนว่าเตรียมท่องบทสวดเพื่อจะบวช​ ก็ตามไปเป็นเพื่อน

ในส่วนตัวนั้นคิดอยากบวชเหมือนกัน ​เมื่ออ่านการ์ตูนเรื่ององคุลีมาล​ จึงชอบมาก​และเรียนรู้​พุทธประวัติ​จากพระเพิ่มอีก​ จึงคิดหนักไปทางบวช
 
วันหนึ่งบริษัทที่ทำงานย้ายไปสร้างโบสถ์​ ทำให้ใกล้วัดมากขึ้น

ที่วัดนั้นเห็นพระและสามเณร​ห่มผ้า​ถือหนังสือ​จึงถามว่าจะไปไหน ​สามเณรว่าจะไปเรียนหนังสือ​ พร้อมทั้งเล่าว่าเรียนสนุกดีนะ​ ทำให้ตัดสินใจว่าอยากบวชแล้ว​ คนรอบข้างรู้หมด​ เว้นแต่พ่อกับแม่

วันหนึ่ง​ กลับจากทำงานจึงเก็บตัวในห้องว่าจะเอาไงดี

เมื่อพ่อเรียกกินข้าว​ จึงเดินไป แบบไม่ได้ตั้งใจไปกินข้าว​ แต่จะไปบอกพ่อแม่ว่าจะบวช​ จึงคุกเข่าแล้วบอกว่าจะบวช แม่กำลังกินข้าวแต่กลืนไม่ลงน้ำตาไหล​ ​พ่อก็ชะงัก​ พ่อถามย้ำว่าบวชแน่นะ​ ในที่สุดก็บวชเณรเมื่อวันที่​ 9​ กันยายน​ 2553 อายุ​ 18​ ปี​ ท่องสวดมนต์​เรียนนักธรรมตรี เรียนภาษาอังกฤษ​ภาษาจีน​ผ่านไป​ 2​ ปี​อายุครบ​ 20​ ปี​ พบพระกัมพูชาที่เรียนในไทยกลับไปที่วัดที่ตนอยู่จึงขอความรู้​เรื่องเรียนในไทย

ท่านแนะให้บวชพระก่อนมาไทย​

จึงบวชพระวันที่​ 5​ พฤษภาคม​ 2555

ผ่านไป​ได้​ 1​ สัปดาห์​ก็เดินทางมาเมืองไทย​ไปพักวัดตะล่อม​ (จรัญ​13)​
 
มีพระที่รู้จักกันชื่อสมบัติ​ ชาวกัมพูชาเหมือนกันมารับ​ หลังจากอยู่วัดตะล่อม ​1​ คืนแล้วเดินทางมาวัดโคกกะเทียมลพบุรี​ กับพระสมบัติ

ก่อนมาลพบุรี​ พยายามใช้โทร.ติดต่อวัดในกรุงเทพ​ 5​ วัดแต่ไม่มีใครรับ​ เพราะเจ้าอาวาสทุกวัดพอทราบว่าเป็นชาวกัมพูชา​ก็ปฏิเสธ​ เนื่องจากพระกัมพูชา​เป็นข่าวลบตลอด
 
แต่โชคดี​ท่านสมบัติพามาวัดโคกกะเทียม​ ลพบุรี​

ขณะที่พระสมบัติคุยกับเจ้าอาวาส​ผ่านไป​หลายชั่วโมง​ ตนขอตัวมานั่งใต้ต้นมะม่วงข้างนอกรำพึงกับตนเองว่าชีวิตทำไมเร่ร่อน​ จะกลับบ้านเงินเหลือเพียง​ 500​ ​บาท​(ตอนเข้าไทยแลกมา 1 พันบาท ซื้อซิมโทรศัพท์​ซื้อน้ำปานะบ้าง​ จึงเหลือ 500 ​บาท)​

ในที่สุดได้อยู่วัดโคกกะเทียม​ และคิดว่าจะคุยกับใครรู้เรื่องไหม



เมื่อวัดตีระฆังให้พระเณรมากวาดวัด​ตอนเย็น​เห็นพระเณรมาก​ไม่รู้ว่ามาจากไหน ทุกรูปเป็นคนกัมพู​ชาและเวียดนาม

ท่านเล่าว่าเข้าอยู่วัดโคกกะเทียมวันที่​ 15​ พฤษภาคม​ ​2555

วันแรกเรียกเรียนภาษาไทย​ผู้สอนชื่อ​พระมหานรินทร์​ องอัคคทาโน​(ตอนนี้อยู่สหรัฐอเมริกา)​ ท่านสอนอ่าน​ ก.ไก่​ วันแรก วันที่​ 2​ ​สอนสระ​ วันที่​ 3​ ​สอนวรรณยุกต์​ วันที่​ ​4
สอนวิธีผสมคำ​ จากนั้นให้ท่องฝึกฝนเอง

และให้ท่องบาลีไวยากรณ์​อีก ​4​ เล่ม ​จำได้แล้วจึงเข้าเรียนในชั้น เพื่อเตรียมเรียนบาลีประโยค ​1-2​ ที่สำคัญต้องเรียน​ น.ธ.ตรี​ และต้องสอบให้ได้ เพื่อใช้สิทธิ์​สอบบาลี

ปีแรกท่านสอบได้​ทุกชั้น

ต่อมาก็สอบชั้น​ป.ธ.3​ ถึง​ ป.ธ.7​ ไม่ตกเลย​

เมื่อสอบ​ป.ธ.8​ ตก​ 2​ ​ปี​ เพราะวิชาแต่งฉันท์​ยากมาก

เมื่อเรียน​ ป.ธ.9​ ​ตั้งใจว่าต้องสอบได้ในปีเดียว​ จึงมาเรียนที่วัดโมลีโลกยาราม

ขณะที่เรียนโยมแม่เสียชีวิต​ จึงเสียใจ​ไปจัดงานศพแม่เสร็จ​ กะว่าจะเลิกเรียน​ วันหนึ่งยืนดูน้ำทะเลที่บ้านน้องสาว​คิดได้ว่า​ แม่ขอให้เรียนจบ​ป.ธ.9​ ได้สติจึงกลับมาไทย​แต่สอบ​ป.ธ.9​ ตก​

ปี​ พ.ศ.2566​ จึงสอบได้

ชีวิตการเรียน​ภาษาไทย​บาลี​และนัก​ธรรม​เริ่มต้นที่นี่​ เมื่อ ​15​ พฤษภาคม​ 2555 ที่เข้าอยู่วัดโคกกะเทียม

สามารถสอบผ่านได้ทุกชั้นสมปรารถนา

ท่านมหาเฮนเล่าถึงปณิธาน​ในการเรียนว่า

1 พูดกับอาจารย์พระมหานรินทร์ที่สอนภาษาไทยและบาลี​ประโยค​ 1-2​ จะไม่จากวัดโคกกระทียม​ ถ้าไม่ได้ประโยค ​9
 
อีกครั้งหนึ่งกำลังแปลธรรมบทภาค​ 5 ​เมื่ออาจารย์เจ้าอาวาส​ถามว่าบวชนานแค่ไหน​ พอ​ทราบว่าเราเพิ่งบวชใหม่​ เจ้าอาวาสส่ายศีรษะแล้วพูดว่าท่าน​ไม่หวังอะไร

แต่ท่านเฮนคิดว่าเราจะทำให้ท่านดู​แล้วเขียนในหนังสือนั้น

และทำได้ใน​ ​10​  ปี​ 

ท่านได้เล่าความเมตตาของเจ้าอาวาสวัดโคกกระเทียม​ พระมหาสมบัติ​ อิสรธมฺโมว่า​ ช่วยออกเงิน​ 2 ​พันบาทเป็นค่าต่อวีซ่าให้ท่าน​ จึงคิดหาทางตอบแทน​ จึงท่องปาติโมกข์​ หลังจากสอบบาลี​ประโยค ​1-2​ เพื่อช่วยวัด

เมื่ออยู่กัมพูชาอยากท่องปาติโมกข์เหมือนกัน​ แต่ถอดใจเพราะเป็นหนังสือเล่มใหญ่​ จึงท่องได้หน้าเดียว

ที่อยากท่องปาติโมกข์ตั้งแต่เป็นสามเณร​ เพราะหลวงตาเล่าว่ามีบางคำท่องแล้วหายตัวได้​ จึงอยากหายตัวบ้าง
 
อย่างไรก็ตามมาอยู่วัดโคกกระเทียมปีแรก​ก็สวดปาติโมกข์ได้​โดยใช้เวลาท่อง​ 2 ​เดือนเท่านั้น

ที่เล่ามาทั้งหมด เพื่อบอกว่าพระต่างชาติต่างภาษา​แต่เรียนภาษาเริ่มจาก​ ก.ไก่​ จนสามารถสอบบาลีประโยคสูงสุดของการศึกษาปริยัติธรรมของไทยได้​ แล้วคนไทยละครับ​ ทำอะไรอยู่
(ขอบคุณรายการบันทึกเปรียญ​9​ ทาง​เฟส​บุ๊ค)