thansettakij
หุ้น WAVE … พักสั้น หรือ พักยาว?

หุ้น WAVE … พักสั้น หรือ พักยาว?

25 มี.ค. 2568 | 23:30 น.
อัปเดตล่าสุด :27 มี.ค. 2568 | 04:06 น.

หุ้น WAVE … พักสั้น หรือ พักยาว? : คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ โดย...เจ๊เมาธ์ ฐานเศรษฐกิจออนไลน์

*** กรณีที่ตลาดหลักทรัพย์ (ตลท.) ขึ้นเครื่องหมาย SP (ห้ามซื้อขายชั่วคราว) หลักทรัพย์ บริษัท เวฟ เอกซ์โพเนนเชียล (WAVE) ในวันที่ 25 มี.ค. 2568 และกำหนดปลดเครื่องหมาย SP ใน 26 มี.ค. 2568 โดยหลังจากที่กลับมาเทรดจะขึ้น CS (ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็น/ไม่ให้ข้อสรุป) และ CB (ผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิ 3 ปีติดต่อกัน จนทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้น < 100% ของทุนชำระแล้ว) ทำให้ในอนาคตสำนักงาน ก.ล.ต. อาจสั่งการให้บริษัทแก้ไขงบการเงินได้

ว่าแต่ทำไม WAVE ถึงถูกขึ้นเครื่องหมาย SP CS และ CB ซึ่งจะส่งผลกระทบกับราคาหุ้นของบริษัทได้ในอนาคต???

อย่างแรก คงต้องรู้จักกับบริษัทแห่งนี้ก่อนว่า WAVE เป็นอีกหนึ่งในบริษัทที่อยู่กับตลาดหุ้นไทยมายาวนาน โดยเข้าจดทะเบียนในตลาดฯ มาตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค. 2537 โดยใช้ชื่อว่า บริษัท ซีวีดี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CVD ซึ่งทำธุรกิจเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ผลิตรายการและละครลงแผ่น CD และ DVD ก่อนที่จะเปลี่ยนทั้งชื่อบริษัทมาเป็น WAVE และเปลี่ยนธุรกิจมาเป็นธุรกิจ Carbon Credits ซึ่งเป็นเทรนด์ใหม่ของโลก ธุรกิจสุขภาพ และธุรกิจโรงเรียนสอนภาษาในปัจจุบัน...

อย่างที่สอง เป็นเรื่องของผลการดำเนินงานของ WAVE ที่ถึงแม้ว่าผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2567 จะไม่มีการขาดทุน โดยมีรายได้รวม 363.64 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 23.85 ล้านบาท แต่การที่ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็น/ไม่ให้ข้อสรุปสำหรับงบการเงินงวดปี 2567 

ในขณะที่ก่อนหน้านี้ผลงานในช่วงหลายปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ปี 2563 มาจนถึงปี 2566 ขาดทุนต่อเนื่องมาตลอด ขณะที่ผลการดำเนินงานปี 2567 ซึ่งผู้ตรวจสอบบัญชียังไม่ได้รับรองพบว่าขาดทุนส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทใหญ่ 774.21 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 2566 ที่ขาดทุน 17.46 ล้านบาท

โดยจุดที่น่าสนใจ คือ ส่วนของเจ้าหนี้ และ ตั๋วเงินจ่ายการค้าสุทธิของบริษัท ที่มีอยู่สูงถึง 338.15 ล้านบาท ซึ่งเป็นการก้าวกระโดดขึ้นมาถึง 13 เท่าตัวในเวลาเพียงแค่ 1 ปี เท่านั้น...

อย่างที่สาม คือ กรณีของผู้ถือหุ้นถ้าดูจากข้อมูลที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ ข้อมูล ณ วันที่ 9 พ.ค. 2567 เซียนใหญ่อย่าง “สุระ คณิตทวีกุล” ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งในสัดส่วน 7.15% มีทาง LGT BANK (SINGAPORE) LTD ถือหุ้นใหญ่เบอร์ 2 ในสัดส่วน 7.03% บริษัท ธนวรินทร์ จำกัด และ นางจารุณี ชินวงศ์วรกุล เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในลำดับที่ 3 และ 4 

ขณะที่ฝั่งของ บริษัท บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BTC ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเป็นถือหุ้นใหญ่เบอร์ 1 สัดส่วน 8.9% ลงมาเป็นผู้ถือหุ้นอันดับที่ 5 ในสัดส่วน 4.52% และ THE HONGKONG AND SHANGHAI BANKING CORPORATION LIMITED, SINGAPORE BRANCH ที่ก่อนหน้านี้ถือหุ้นเป็นเบอร์ 2 ได้ลดสัดส่วนลงมาเป็นผู้ถือหุ้นลำดับที่ 6 แทนที่ โดยความเปลี่ยนแปลงนี้เพิ่งจะเกิดขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้เอง

ต่อมาเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2567 WAVE ได้เพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering)ทำให่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือ น.ส. ศรวณีย์ ศิริจรรยากุล เข้ามาในรายชื่อ 10 อันดับแรกของผู้ถือหุ้นใหญ่ ขณะที่ บริษัท มูนช็อต เวนเจอร์ แคปปิตอล จำกัด ออกจากรายชื่อ 10 อันดับแรกของผู้ถือหุ้นใหญ่

จากข้อมูลที่ WAVE แจ้งตลาดล่าสุด เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2567 รายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ 10 อันดับแรก มีดังนี้

  1. บริษัท บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) - 1,020,308,442 หุ้น (8.9%)

  2. THE HONGKONG AND SHANGHAI BANKING CORPORATION LIMITED, SINGAPORE BRANCH - 818,532,855 หุ้น (7.1%)

  3. LGT BANK (SINGAPORE) LTD - 770,387,924 หุ้น (6.7%)

  4. นาย สุระ คณิตทวีกุล - 659,000,000 หุ้น (5.8%)

  5. บริษัท ธนวรินทร์ จำกัด - 600,000,000 หุ้น (5.2%)

  6. นาง จารุณี ชินวงศ์วรกุล - 537,499,875 หุ้น (4.7%)

  7. นาย ธนนนท์ เตรียมชาญชัย - 370,000,000 หุ้น (3.2%)

  8. น.ส. ปิยวดี มาลีนนท์ - 354,860,000 หุ้น (3.1%)

  9. น.พ. พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี - 286,630,400 หุ้น (2.5%)

  10. น.ส. ศรวณีย์ ศิริจรรยากุล - 280,000,000 หุ้น (2.4%)

ท้ายสุด เป็นเรื่องของการเพิ่มทุนที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ขณะที่การเพิ่มทุนครั้งล่าสุด บริษัทเพิ่งประกาศเพิ่มทุนขายให้ผู้ถือหุ้นเดิม (Rights Offering : RO) จำนวน 2,303.12 ล้านหุ้น อัตราส่วน 4 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคาหุ้นละ 0.14 บาท ส่งผลให้ล่าสุดบริษัทมีหุ้นจดทะเบียนกับ ตลท. ในจำนวนที่มากถึง 11,456,342,329 หุ้น มีทุนจดทะเบียน 7,694,715,099.00 บาท 

โดยที่ราคาหุ้นหน้ากระดานอยู่ที่ราคา 0.06-0.07 บาท ในขณะที่บริษัทมีรายการเงินสดสุทธิติดมืออยู่เพียง 30.15 ล้านบาท เท่านั้นเอง

อย่างไรก็ตาม WAVE ได้ชี้แจงว่า การที่ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงินของบริษัทฯ เกิดจากธุรกิจคาร์บอนเครดิต เป็น New S-Curve ยังไม่มีราคาตลาดเพื่อใช้ในการอ้างอิง ซึ่งเจ๊เมาธ์ดูแล้ว ออกจะขัดกันกับความเชื่อของผู้ถือหุ้นผ่านทางราคาหุ้น และขัดกันกับผลการดำเนินงานที่ปรากฏ ในขณะที่บริษัทยังคงมีความเชื่อมั่นว่า การดำเนินธุรกิจดังกล่าวข้างต้น จะส่งผลให้บริษัทมีผลประกอบการที่ดีขึ้นได้ในอนาคต

ดังนั้น จากนี้ไปคงจะต้องตามดูกันว่า ระหว่างความเชื่อมั่นของบริษัท ความเชื่อมั่นของผู้ถือหุ้น ความเชื่อมั่นของนักลงทุน และความเชื่อมั่นของผู้ตรวจสอบบัญชี สิ่งใดจะถูกต้อง...เจ๊เมาธ์เชื่อว่าอีกไม่นานก็คงจะได้รู้กันแล้วเจ้าค่ะ