Q1/2568 (ไตรมาส 1 ปี 2025)
25 มีนาคม 2568
- ประชุมผู้ถือหุ้น GULF และ INTUCH เพื่ออนุมัติแผนควบรวม
21 มีนาคม - 2 เมษายน 2568
- หยุดซื้อขายหุ้น GULF และ INTUCH ชั่วคราว เพื่อดำเนินการแลกเปลี่ยนหุ้นและจัดตั้งบริษัทใหม่
Q2/2568
3 เมษายน 2568
- หุ้นของบริษัทใหม่ “Gulf Development” เริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยใช้ชื่อย่อเดิม “GULF”
พฤษภาคม - มิถุนายน 2568
- เริ่มรีแบรนด์ (หากมี) และเปิดตัวกลยุทธ์ใหม่อย่างเป็นทางการ เช่น Smart Energy, Digital Infra, Investment Roadmap
การเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียก่อนและหลังการควบรวม
ก่อนการควบรวม
GULF (กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี)
ข้อดี
- เติบโตเร็วจากธุรกิจพลังงาน
- มีโครงการโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ
- มีพันธมิตรระดับโลกหลายแห่ง
ข้อเสีย
- รายได้ผันผวนตามราคาพลังงาน
- มีหนี้สูงจากการลงทุนระยะยาว
- พึ่งพาธุรกิจพลังงานเป็นหลัก
INTUCH (อินทัช โฮลดิ้งส์)
ข้อดี
- ได้รับเงินปันผลมั่นคงจาก ADVANC (AIS)
- มีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง
ข้อเสีย
- โอกาสเติบโตในระยะยาวค่อนข้างจำกัด
- ไม่มีธุรกิจที่สามารถสร้าง Synergy ใหม่ได้ด้วยตัวเอง
หลังการควบรวม (บริษัท Gulf Development)
ข้อดี
- รายได้มีความมั่นคงมากขึ้นจากการรับปันผลของ ADVANC ผ่าน INTUCH
- กระจายความเสี่ยงจากพลังงานเพียงอย่างเดียว ไปสู่ธุรกิจเทคโนโลยีและโทรคมนาคม
- มีโอกาสพัฒนาโปรเจกต์ใหม่ เช่น Smart Grid, Smart City, Data Center
- ศักยภาพการเติบโตสูงขึ้นจาก Synergy ระหว่าง Energy + Technology
- เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น เนื่องจากมีขนาดใหญ่และแข็งแกร่งในตลาดทุน
ข้อเสีย
- การควบรวมองค์กรขนาดใหญ่ต้องใช้เวลาในการปรับตัว และอาจมีต้นทุนแฝง
- โครงสร้างซับซ้อนขึ้น การบริหารจัดการอาจท้าทายมากกว่าเดิม
- ความคาดหวังจากนักลงทุนสูงขึ้น อาจกดดันผลประกอบการ
- หากกลยุทธ์ใหม่ไม่ประสบความสำเร็จ อาจกระทบทั้งสองกลุ่มธุรกิจ
- ภาระหนี้ยังคงอยู่จากฝั่ง GULF ต้องบริหารสภาพคล่องอย่างระมัดระวัง