จับตาเลือกตั้ง 2566 “บ้านใหญ่” พ่ายยับ คนรุ่นใหม่แรง

06 พ.ค. 2566 | 09:00 น.
อัปเดตล่าสุด :10 พ.ค. 2566 | 04:49 น.

คอลัมน์ ฐานโซไซตี จับตาเลือกตั้ง 2566 “บ้านใหญ่” พ่ายยับ คนรุ่นใหม่แรง โดย...กาแฟขม

*** สัปดาห์สุดท้ายก่อนเลือกตั้งใหญ่ทั่วประเทศวันที่ 14 พ.ค. คงเห็นภาพกันแล้ว ใครมา ใครสลบ พรรคไหนตีตื้นแบบหักปากกาเซียน ดูรูปการณ์คงไม่มีเซอร์ไพรซ์ใหญ่ๆ แบบทำให้พลิกกลับฉับพลัน พรรคเพื่อไทย นำมาเป็นอันดับ 1 แน่ อันนี้ผลสำรวจตรงกันแทบทุกสำนักทั้งโพลล์ฝ่ายความมั่นคง โพลล์สำนักวิจัย โพลล์สำนักข่าว ก็ไม่น่าจะมีอะไรพลิกผัน

ส่วนพรรคอันดับ 2 สูสีๆ แต่ ก้าวไกล ที่ว่ารั้งที่ 3-4-5 ก่อนหน้านี้มาแรงแซงทางโค้งจริงๆ ต้องจับตากันไม่กระพริบเลยทีเดียวกับความแรงนี้ ทั้งนี้ต้องดูผู้มาใช้สิทธิ์ออกเสียง ถ้าเกิน 75% ถือว่าดีเลยทีเดียวกับการเลือกตั้ง เพราะที่ผ่านๆ มา ใช้สิทธิเลือกตั้งกันน้อย 14 พ.ค.ออกมาเลือกตั้งพรรคที่ชอบ คนที่ใช่ ไปทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร

*** คราวนี้ผู้สมัครหน้าใหม่ เพิ่งลงการเมืองหนแรก จากหลายพรรคการเมือง ดูโปรไฟล์มีความรู้ มีความมุ่งมั่น มีดีกรีมากมายกระจายกันแทบทุกพรรค ผสมผสานไปกับบ้านใหญ่ที่ว่ากันว่าเอาตัวรอดได้ยากมาก เมื่อกระแสเปลี่ยนมาแรง ให้คนรุ่นใหม่เข้ามาทำทหน้าที่แทน เดิมสถิติเปลี่ยนผู้แทน 30 % อาจทำลายสถิติลงได้ บ้านใหญ่ม่อยกระรอก ผู้คน จำนวนไม่น้อย ต้องการเปลี่ยน ซึ่งมาจากหลากหลาย เปลี่ยนเพราะเบื่อจำเจกับสิ่งเดิม เปลี่ยนเพื่อหวังว่าเปลี่ยนแล้วจะดีกว่า เปลี่ยนเพราะต้องการคนใหม่กว่าไปทำหน้าที่ เปลี่ยนเพราะต้องการหลุดวังวนเดิมๆ เดี๋ยวมาดูกันจะเปลี่ยนได้มากน้อยแค่ไหน

***งวดเข้าสัปดาห์สุดท้าย ไม้ตาย นโยบายใหม่ แคมเปญแรงแต่ละพรรคยังไม่เห็น จะโอกาสนิยม ประชานิยม ก็ยังแจกๆ บลั๊ฟกันเหมือนเดิม เบี้ยคนชรา สวัสดิการเด็ก เงินให้เอสเอ็มอี สตาร์ทอัพ แล้วแต่จะเรียกแล้วแต่จะให้ในม็อตโต้ที่แตกต่างออกไป แต่ส่วนใหญ่เน้นการให้ เป็นพรรคฉันให้มากกว่าพรรคเธอไปเสียอย่างนั้น มีอยู่บ้างที่บางพรรคเริ่มพูดถึงการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ สังคมขนาดใหญ่ แต่ยังไม่เห็นรูปธรรมการดำเนินการ

การหาเสียง วาทกรรมที่ถูกนำมาใช้ต่อต้านทุนผูกขาด ทลายอำนาจรัฐส่วนเกิน ยุบรัฐราชการรวมสูนย์ อะไรพวกนี้ได้ยินมานานนัก แต่ยังไม่มีใครทำอย่างเป็นรูปธรรม หรือ แนวปฏิบัติที่ให้เห็นว่าทำได้จริง ส่วนใหญ่ถูกกลืนกินโดยรัฐราชการ และสิ่งเย้ายวนใจเมื่อเข้าไปบริหารทั้งสิ้น กลไกเลยพังภิณฑ์อยู่เช่นทุกวันนี้

*** เรื่องใหญ่ที่ต้องให้ความสำคัญ แต่พรรคการเมืองพูดกันน้อย โลกร้อน การต่อสู้เพื่อลดภาวะโลกร้อน ลดก๊าซเรือนกระจก มีเพียงบางพรรคการเมืองเท่านั้นที่ชูธงเป็นเรื่องสำคัญ ความจริงเรื่องนี้ต้องเปรียบเทียบนโยบายกันให้ชัด เพราะเป็นเรื่องอนาคตของเราที่จะอยู่ต่อไป ในสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่เรื่องสิ่งแวดล้อมโดยรวม ไม่ใช่แค่อากาศสะอาด ลดฝุ่นพีเอ็ม 2.5 กันเพียงอย่างเดียว แต่แผนชาติ นโยบายชาติต้องมาพร้อมกัน นักการเมือง นักเลือกตั้ง นักบริหาร ต้องพูดพร้อมกัน หาแนวทางร่วมกัน ต้องเป็นนโยบายร่วมของชาติในระดับภาพใหญ่ เพื่อไม่ให้บรรลัยกันไปทั้งบาง

*** พูดถึงเรื่องนี้ ก็ในยามที่ใครๆ หวังสร้างรายได้จากปลูกป่าทำคาร์บอนเครดิต ก็ขอเล่าเป็นข้อมูลประกอบว่า มันไม่ใช่คิดจะทำโดยไม่มีแผนการแล้วจะได้เงิน บริษัท LEET ซึ่งผู้บริหารจับงานด้านนี้มีพื้นฐานการศึกษาร่วมกับสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) ได้ออกข้อแนะนำ สำหรับโครงการปลูกป่าเพื่อพัฒนาคาร์บอนเครดิต หรือ ARR: Afforest/ Reforest & Revegetate ไว้อย่างน่าสนใจว่า ดินจะเอามาทำ ARR ต้องไม่เคยเป็นป่ามาเลยตลอด 10 ปี และต้องมีเอกสารสิทธิ

เมื่อเข้าโครงการแล้ว จะไปร่วมสิทธิประโยชน์อื่นๆ เกี่ยวกับคาร์บอนเครดิตซ้ำซ้อนไม่ได้ โครงการแบบนี้ต้องใช้เวลาขั้นต่ำ10 ปี ขยายอายุโครงการได้เรื่อยๆจนหมดอายุที่ 30 ปี ตัดไม้ในที่ดินที่เข้าโครงการไม่ได้ แต่ตัดสางขยายระยะตามหลักวิชาการ (thinning) ได้ภายใต้แผนการวางร่วมกัน เลิกสัญญากลางคัน เช่นต้องการขายที่ดินระหว่างสัญญาไม่ได้

นอกจากนี้วิธีการวัดเครดิตต่างๆ การรั่วไหลอะไรๆ เขาจะมีแผนการและคู่มือทางเทคนิคให้ร่วมกันทำอย่างรัดกุม เพื่อก้าวไปสู่เส้นทางทำเงินจากตลาดสากล นาทีนี้กาแฟขมขอเปิดเวที บริษัทใดมีข้อเสนอที่หรือดีกว่า ก็ยินดีทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงเพื่อประโยชน์สูงสุดของท่านเจ้าของที่และนักพัฒนาธุรกิจกันได้เลยพระเดช พระคุณ