***หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3919 ระหว่างวันที่ 3-6 ก.ย.2566 โดย...กาแฟขม
*** “ไม่ตรงปก” อย่างแรงสำหรับหน้าตา “ครม.เศรษฐา1” ผิดฝา ผิดตัว สร้างความผิดหวังให้กับประชาชน ที่ตั้งความหวังเอาไว้สูงกับ ครม.เศรษฐา1 ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจ อันประกอบไปด้วยกระทรวงสำคัญๆ คลัง พาณิชย์ เกษตร พลังงาน DES คมนาคม ต่างประเทศ แต่หน้าตารัฐมนตรีที่ออกมาและทีม เท่าที่เห็นเบื้องต้น พอจะกล้อมแกล้มไปได้มีแค่คลัง กับ ต่างประเทศเท่านั้น
*** แน่นอนการที่นายกฯ นั่งควบคลังเองก็ใช่ว่าจะดีกับทั้งภารกิจการกลั่นกรองงาน ตรวจสอบ ก่อนถึงนายกฯ มีคำกล่าวที่ว่ารัฐมนตรีคลังต้องมีคนไม่ชอบทั้งครม. เพราะต้องคอยเตะถ่วงเรื่องบ้าง เรื่องที่ขอใช้เงินเข้ามา แบบไม่เข้าท่า ไม่ถูกต้องต้องคอยกำหนดยุทธศาสตร์ ทิศทาง ค้ำยัน สกัดกั้นก่อนเรื่องบางเรื่องถึงตัวนายกฯ แต่การเป็นคนเดียวกัน จะคาน จะค้ำ จะกรองกันอย่างไร
ดีที่ว่า “เศรษฐา” มีต้นทุนสูงในแง่ความสำเร็จในการบริหารธุรกิจมาก่อน ซึ่งต้นทุนนี้ต้องใช้เข้าไปปกป้อง โอบอุ้มเอากับรัฐมนตรีที่เข้าข่ายยี้ แต่ต้องพึงระวังไม่อาจใช้ได้นาน ถ้าบริหารในภาพรวมๆ ไม่เข้าตา ฟื้นเศรษฐกิจที่วาดหวังไว้ได้ ความเสื่อมย่อมตามมา และจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หากพฤติกรรมของรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลเดินไปในทางจ้องถอนทุน เหยียบย่ำหัวใจประชาชน
***โฟกัสไปที่กระทรวงเศรษฐกิจ ที่กระทรวงพาณิชย์ได้ ภูมิธรรม เวชยชัย มานั่งเป็นรัฐมนตรีพาณิชย์ ไผ่ ลิกค์ เป็นรมช.พาณิชย์, นภินทร ศรีสรรพางค์ เป็นรมช.อีกคนหนึ่ง ไม่ได้ปรามาสอะไรไปกับเสี่ยอ้วนภูมิธรรม แต่ไม่เคยปรากฏ หรือ มีประวัติทำงานด้านการค้าๆ ขายๆ การวางนโยบายยุทธศาสตร์ด้านการค้าระหว่างประเทศ การเจรจาการค้าทั้งระหว่างรัฐต่อรัฐ ทั้งระหว่างกลุ่มภูมิภาค ทั้งเจรจาการค้าโลก การสร้างตลาดที่เท่าเทียม การหาแต้มต่อให้ตนเอง การใช้เทคโนโลยีเอื้อให้เกิดการค้าที่เป็นธรรม
เหล่านี้ยังไม่เคยได้ยินว่า ภูมิธรรม เข้าไปเอี่ยว หรือ เคยมีส่วนร่วมมา ซึ่งก็ต้องรอดูฝีมือ ไม่พักต้องพูดถึงการค้าในประเทศ ที่กระทรวงพาณิชย์ มีบทบาทหลักในการสร้างดุลยภาพให้เกิดขึ้นในตลาด บาลานซ์ระหว่างผู้ขายรายย่อยและนายทุนรายใหญ่ที่อยู่เหนือตลาด
ที่สำคัญต้องไม่ลืมบาดแผลฉกรรจ์ จากการจำนำข้าวฉาวที่รัฐมนตรี ทีมรัฐมนตรีจากพรรคนี้เคยทำไว้ในอดีต ที่ปัจจุบันคดียังไม่สิ้นสุดอีกหลายคดี ทั้งการขายข้าวอินโดนีเซีย ทั้งการขายข้าวจีทูจีล็อต 2 การทำข้าวถุง กระทั่งการขายมันสำปะหลัง ที่หลายเรื่องยังอยู่ในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ทั้งข้าราชการ ทั้งนักการเมือง เป็นผู้ถูกกล่าวหา ก็ต้องดูว่าจะนำพากันไปอย่างไร ไม่ต้องพูดถึงว่าที่ รมช.พาณิชย์ ที่มีชื่อเสียงเกรียวกราว ข้าราชการได้ยินชื่อต่างหนาวยะเยือกไปถึงขั้วหัวใจ
*** ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เคยเป็น รมช.กระทรวงนี้มาก่อนถูก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ คนก่อนปลดออกจากครม. แน่นอน ขึ้นชื่อผู้กองมนัส เต็มไปด้วยความหวือหวา ประวัติโชกโชนไม่ต้องเล่าซ้ำ เที่ยวนี้นั่งว่าการเกษตรฯ เก้าอี้ใหญ่บิ้กบึ้ม ต้องจับตาทีเดียว เกษตรกรในยุคนี้จะลืมตาอ้าปากได้อย่างไร ผลผลิตจะเพิ่มขึ้นอย่างไร ที่ดินทำกินที่คนยากไร้ไม่มีแล้ว จะแก้ให้เขาอย่างไร ผลิตล้น ผลิตขาด ผลิตเกินจะตอบโจทย์ อย่างไร สร้างเกษตรกรรุ่นใหม่อย่างไร สมาร์ทฟาร์เมอร์ที่อยากเห็นจะเกิดได้หรือไม่
*** ที่กระทรวงดีอีเอส ว่ากันว่าเป็นกระทรวงหลักในการผลักดันประเทศเข้าสู่เศรษฐกิจใหม่ ได้ ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย มานั่งในตำแหน่งนี้ อันนี้ก็ไม่เคยได้ยินหรือมีประวัติ ด้านเทคโนโลยีแต่อย่างใด คนในแวดวงไอที ดิจิทัล อีคอมเมิร์ซ สตาร์ทอัพ ถามกันตรึม เขาคือใคร เขาจะเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ให้เข้าสู่เศรษฐกิจใหม่ ที่ต่อสู้กันด้วยเทคโนโลยีอย่างไร ด้วยกลัวจะซ้ำรอยรัฐบาลเก่า แน่นอนประเสริฐ ต้องขนทีมงานผู้เชี่ยวชาญ คนรุ่นใหม่ที่เชี่ยวชาญด้านนี้เข้ามาเป็นทีมงาน คอยสนับสนุนการขับเคลื่อน ที่สำคัญรัฐมนตรีต้องทำความเข้าอกเข้าใจเรื่องให้ถ่องแท้ ก็ได้แต่หวังความเป็นนักการเมืองที่โชกโชน เปิดรับฟังความเห็นให้มากเข้าไว้กลั่นกรองเรื่องที่ดีเข้ามาใช้ให้เห็นผลก็แล้วกัน
***สายล่อฟ้าสำคัญที่ไม่ใช่กระทรวงเศรษฐกิจ กลับเป็น พิชิต ชื่นบาน ทนายถุงขนม 2 ล้าน ที่เกรียวกราวในอดีต ที่มีชื่อโผล่เข้ามาในนาทีท้ายๆ ตรวจสอบคุณสมบัติกันวุ่น สุดท้ายไม่มีปัญหาคุณสมบัติ กับ ข้อกฎหมายกรณีเคยถูกจำคุก รอดไปได้ แต่ในเรื่องจริยธรรม และ ความซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่ประจักษ์ของบุคคลที่จะเป็นรัฐมนตรี อันนี้ไม่รู้ ต้องตอบคำถามกันเองในเรื่องจริยธรรม ลองไปพลิกดูเอกสารที่สภาทนายความถอนใบอนุญาตในช่วงปี 2552 เขียนกันไว้อย่างไร ที่บอกฝ่าฝืนศีลธรรมอันดี เข้าข่ายจริยธรรมหรือไม่
*** ปิดท้ายฉบับนี้ อย่าพลาดด้วยประการทั้งปวงกับงานที่ฐานเศรษฐกิจเขาจัดขึ้น ROAD to NET ZERO โอกาสและความท้าทายทางธุรกิจ วันอังคาร ที่ 5 ก.ย.นี้ ที่ พารากอน ฮอลล์ สยามพารากอน ไปดู ไปฟัง ไปแสดงความเห็นกัน ประเทศไทยจะลดโลกร้อน ลดคาร์บอน ปรับตัวเอง สร้างโอกาสทางธุรกิจไปสู่ NET ZERO กันอย่างไร วิทยากรมากหน้าหลายตา ล้วนแต่บิ้กๆ ในแวดวงธุรกิจ ภาครัฐ การท่องเที่ยว เทคโนโลยี งานนี้เราจะมุ่งสู่สีเขียวไปด้วยกัน...