*** ก่อนหน้านี้ ก.ล.ต.เคยถูกตั้งคำถามจากสังคมและนักลงทุนที่เห็นความผิดปกติในราคาหุ้นที่ปรับขึ้นมาบริษัทในตลาดหลักทรัพย์หลายแห่ง ที่ประกาศตัวว่า ทำ...หรือจะทำธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์ ซึ่งการไล่ราคาหุ้นเป็นรูปแบบเก่าๆ นักลงทุนที่มีประสบการณ์หน่อยจะรู้เลยว่า นี่คือการ “ปั่นหุ้น” จะมีเพียงแต่ผู้มีอำนาจในการกำกับดูแลบริษัทในตลาดฯ อย่างตลาดหลักทรัพย์ กลับทำตัวเหมือนทองไม่รู้ร้อน ไม่มี...แทบจะไม่ทำอะไร จนกลายเป็นสาเหตุให้ราคาหุ้นที่ถูกปั่นขึ้นไปสูงๆ จนท้ายที่สุด ก็ร่วงลงมาจนสร้างความเสียหายให้กับนักลงทุนทั้งรายใหญ่รายย่อยเป็นจำนวนมาก
เมื่อตลาดหลักทรัพย์, ก.ล.ต. ไม่ทำอะไรให้เป็นสาระ ท้ายที่สุดเมื่อหน่วยงานภายนอกอย่าง กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ก็ทนต่อการร้องเรียนไม่ไหวจนต้องออกตัวในการขอความร่วมมือจากทาง ก.ล.ต. ส่งข้อมูลของบริษัทเหล่านี้มาเพื่อการสืบสวน ซึ่งบริษัทที่มีแนวโน้มว่าได้ดำเนินการเข้าข่ายพฤติกกรรมที่น่าสงสัยเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประกอบด้วย JTS, ZIGA, COMAN, UPA, SCI, AJA , PROEN, CWT, ECF, NRF และ B
ราคาหุ้นขุดเหมืองหลายๆ ตัว ต้องบอกว่า ช้ำมาก และไม่อาจวิ่งกลับไปที่เดิมได้อีกในเร็วๆ นี้ หากไปเปิดงบหุ้นแต่ละตัวที่เจ๊เมาธ์ เอ่ยถึงข้างต้นแล้ว จะเห็นว่า การลงทุนขุดเหมือง กับเหรียญบิทคอยน์ที่ได้ ย้อนแย้งกัน งบ Q2 ออกมา บางบริษัท อย่าง ZIGA ต้องหยุดขุด เพราะไม่คุ้มกับค่าไฟฟ้า หรือ JTS ลงทุนจำนวนมาก แต่เหรียญที่ได้รับ ไม่คุ้มทุน หรือ UPA สายเชียร์สุดลิ่มทิ่มประตู ผ่านสื่อโซเชียล ลงทุนจับเจ็ตเหมาลำ พานักข่าว นักลงทุน ไปดูเหมืองขุดถึงลาว กลับมา หุ้นมีแต่ไหลลงๆ ตอนนี้เหลือไม่ถึง 30 สตางค์
ผลการสอบสวนจะเป็นอย่างไร เป็นเรื่องในอนาคตที่ขึ้นอยู่กับหลักฐานและพยาน เพียงแต่เจ๊เมาธ์อยากตั้งจะคำถามว่า ทำไม !!! กับแค่เรื่องพื้นๆ ที่ใครๆ ก็รู้ถึงไม่ให้จบปัญหาเป็นการภายในไปตั้งแต่เริ่มต้น นี่อะไร...กลายเป็นว่าหน่วยงานจากภายนอกต้องเข้ามาขอข้อมูลไปสอบสวนซะอย่างนั้น เฮ้อ...เจ๊เมาธ์อยากรู้จริงๆ ว่าแล้วแบบนี้เราจะมีหน่วยงานกำกับดูแลเอาไว้ทำไมกัน ก็ในเมื่อทำอะไรไม่เป็น หรือ ทำอะไรไม่ได้ ก็ลาออกให้คนอื่นที่เค้าเก่งกว่ามาทำ หรือไม่ก็ยุบๆ ไปเถอะค่ะ
*** การจับมือกันระหว่าง GULF และ GUNKUL ได้อะไรมากกว่าที่คิด อย่างแรกคือการที่ GUNKUL ได้นำเอาโครงการพลังงามลมที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งและเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วรวม 170 เมกะวัตต์ ขณะที่ทาง GULF วางเงินสดจำนวน 5,000 ล้านบาท มาวางเป็นสินทรัพย์เริ่มต้นของบริษัทร่วมทุนของทั้งสอง ซึ่งทาง GUNKUL จะนำเงินสดที่เข้ามาในระบบ ไปปิดสัญญาหุ้นกู้ที่กำลังจะหมดอายุ เพื่อลดภาระเรื่องดอกเบี้ยจะเป็นส่วนหนึ่งที่เข้ามาชดรายได้ที่จะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน
ขณะเดียวกัน ก็ยังมีเรื่องของโครงการพลังงานหมุนเวียนในอนาคตที่ทั้ง GUNKUL และ GULF จะร่วมมือกันทำให้ได้ 1,000 เมกะวัตต์ ภายใน 5 ปี ซึ่งนอกจากจะมีรายได้จากการขายไฟฟ้าที่จะเอามาแบ่งกันบริษัทละครึ่งก็ยังมีเรื่องของงานก่อสร้างและงานระบบทั้งหมดที่ทาง GUKUL จะได้ไปเนื่องจากเป็นความชำนาญเฉพาะอยู่แล้ว
นอกจากนี้การที่ GULF ซึ่งกลายเป็นเจ้าของระบบเสาโทรคมนาคมจำนวนมากผ่านทางบริษัทย่อยอย่าง INTUCH INTUCH และ THCOM ก็จะกลายเป็นการเปิดช่องเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับพันธมิตรอย่าง GUNKUL ได้เข้ามาดูแลระบบการซ่อมบำรุงซึ่งก็จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งของรายได้ที่สามารถเกิดขึ้นได้ในอนาคตเช่นกัน ดังนั้นการร่วมมือของทั้ง GULG และ GUNKUL ในรอบนี้จึงมีแต่ได้กับได้ ทางด้านของ GULF ได้คนมาทำงาน ส่วน GUNKUL งานมาทำนั้นเอง ประมาณว่างานนี้ “วินวิน” นั้นเองเจ้าค่ะ
*** เจ๊เมาธ์ไม่แปลกใจ TGE (ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่) เข้าตลาดมาแล้วราคาต่ำกว่าจอง (ไอพีโอ 2 บาท) ต่อเนื่องหลายวัน ทั้งที่ TGE ก็ถือได้ว่าเป็นบริษัทมีพื้นฐานดีไม่น้อย สิ่งที่เจ๊เมาธ์เห็นว่าน่าจะเป็นปัญหาของทาง TGE มากที่สุดในรอบนี้คือ การอ่อนประชาสัมพันธ์ นักลงทุนแทบไม่รู้จักเลยว่า มีหุ้นตัวนี้อยู่ในตลาด ขายไอพีโอตอนไหน ราคาเท่าไหร่ ธุรกิจทำอะไร รวมถึงไม่รู้จักว่า ใครเป็นผู้บริหารบริษัทไปโน้นเลยทีเดียว ซึ่งเรื่องอย่างนี้ก็ต้องตั้งคำถามไปทางที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) และผู้รับประกันการจัดจำหน่าย (Underwriter) ทั้งหลายของ TGE ว่า จะต้องมีการบริหารจัดการอย่างไร แน่นอน...บริษัทนี้ผ่านไปแล้วก็แล้วกันไป แต่บริษัทต่อไปถ้ายังเป็นแบบนี้ แล้วนักลงทุนที่ไหนจะกล้าจองซื้อหุ้นไอพีโอของพวกท่าน ก็ลองพิจารณาสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นให้ดีก็แล้วกันนะคะ ไม่มีอะไร...เจ๊เมาธ์ก็แค่สงสารนักลงทุนในเครือข่ายของพวกท่านก็เท่านั้นเองค่ะ
*** บอกตรง ๆ เลยว่า เจ๊เมาธ์ได้กลิ่นแปลกๆ หลังจากที่เห็นราคาหุ้นร้อนอย่าง MVP ที่วิ่งแรงขึ้นมาพร้อมกับข่าวที่มีลงทุนเขมรเข้ามาไล่ราคาหุ้น ไม่ใช่ว่าเจ๊เมาธ์จะไม่เชื่อว่าบริษัทเค้าไม่ดี หรือ ว่ามีปัญหาอะไรทั้งนั้น เพียงแต่ว่าการที่บริษัทแห่งหนึ่งจะถูกไล่ราคาขึ้นมาได้ มันควรจะต้องมีอะไรที่ดีมากกว่าเรื่องง่ายๆ สำเร็จรูปแบบนี้ บอกเลยว่าหุ้นที่มาแนวนี้สิ่งที่ต้องทำคือการเล่นเร็ว...ตีหัวเข้าบ้านเป็นหลักเท่านั้น ใครจะรู้งานนี้ไม่แน่ว่า “ใครลุกช้า...จ่ายรอบวง” ของแบบนี้เป็นไปได้ทั้งนั้นเจ้าค่ะ
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,812 วันที่ 25 - 27 สิงหาคม พ.ศ. 2565