*** ไม่ใช่แค่สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ทำให้ขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิต แต่สงครามเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐและจีน ที่เกิดขึ้นมาหลายปี หลายรูปแบบ นับตั้งแต่การห้ามการใช้งาน “หัวเว่ย” ซึ่งเป็นเจ้าของเทคโนโลยี 5G มาจนถึงกรณีที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ประกาศข้อบังคับชุดใหม่โดยกำหนดให้บริษัทอเมริกัน และบริษัทต่างชาติที่ใช้เครื่องจักรของสหรัฐฯ ในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ต้องยื่นขอใบอนุญาตหากจะส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ การประมวลผลขั้นสูงหรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องให้จีน
รวมไปถึงกรณีล่าสุด ห้ามหน่วยงานของรัฐและพลเมือง ที่ถือสัญชาติอเมริกันเข้าทำงานร่วมกับบริษัทผู้ผลิตชิปของจีน หากยังฝ่าฝืนอาจจะนำไปสู่การ “เพิกถอนสัญชาติ” ไปโน้นเลยทีเดียว ได้กลายเป็นประเด็นหลักที่กำลังฉุดให้บริษัทผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์หลายแห่ง ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนวัตุดิบและเทคโนโลยีในการผลิต
แน่นอนว่าที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดเป็นทางผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อย่าง DELTA KCE HANA SMT ที่จะได้รับผลกระทบที่เกิดจากการขาดแคลนวัตถุดิบแบบที่เคยเป็นและกำลังจะกลับมาเป็นซ้ำรอยเดิมอีก
ขณะเดียวกัน กลุ่มบริษัทที่ทำธุรกิจที่เกี่ยวกับการขายคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถืออย่าง JMART COM7 SPVI CPW IT และ SYNEX กลับดูเหมือนจะมีปัญหาที่แตกต่างออกไป อย่างแรกคือ เมื่อทุกอย่างกลับมาสู่ภาวะปกติ ยอดขายที่เคยมี ก็เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะซบเซาตามไปด้วย
อย่างที่สองคือ เรื่องของเศรษฐกิจถดถอยที่กำลังเกิดขึ้นส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดน้อยลง เป็นเหตุให้ยอดขายสินค้าหดหายตามไป ไม่ต้องมองไปไกล...ดูแค่เรื่องการเปิดตัวของ IPhon14 ที่พึ่งเปิดตัว แต่กลับไม่สามารถกระตุ้นราคาหุ้นได้เหมือนเช่นหลายปีที่ผ่านมา เป็นตัวอย่างก็ได้ แน่นอนว่าเจ๊เมาธ์ไม่ได้บอกว่าหุ้นในกลุ่มนี้ไม่ดี เพียงแต่ถ้าจะลงหุ้นในธุรกิจนี้ อาจจะต้องรอเวลานานกว่าที่คิดก็เท่านั้นเองค่ะ
*** หุ้นโรงกลั่นน้ำมันอย่าง TOP คือ หนึ่งในหุ้นที่เจ๊เมาธ์มองว่าดีพอที่จะให้เป็นหลุมหลบภัยได้ อย่างแรกที่พอจะมองเห็นได้ง่ายโดยที่ไม่ต้องคิดมาก ก็คือ การเป็นหุ้นดีมีปันผลซึ่งดูดีอยู่แล้ว ต่อมาก็เป็นเรื่องของค่าพีอีซึ่งอยู่ในระดับที่ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับหุ้นโรงกลั่นด้วยกันเอง....หรือแม้กระทั่งเอาไปเทียบกับหุ้นตัวอื่น รวมไปถึงเรื่องของอัตราส่วนของการทำกำไรและสัดส่วนการทำกำไรที่ดูน่าสนใจมาก และที่ว่ามานี่ก็ยังไม่รวมแนวโน้มของผลการดำเนินงานของธุรกิจโรงกลั่น ที่มีโอกาสจะดีต่อเนื่องไปอีกจนถึงกลางปี 66 โน้นเลยทีเดียว ดังนั้น ถ้าจะมองเรื่องหุ้นหลุมหลบภัยแบบถือยาวได้ เจ๊เมาธ์บอกเลยว่า TOP เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีเลยทีเดียว
*** เจ๊เมาธ์สังเกตว่า DDD หุ้นเคยดี..เพราะเคยมีราคาสูงถึงร้อยกว่าบาทในช่วงของการเข้าตลาดเมื่อหลายปีก่อน มีการรีแบรนด์ตัวเองจากที่เคยเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์ความงามที่มาจากสารสกัดจากหอยทาก (Snail) มาเป็นการเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์หลายกลุ่มมากขึ้น ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะการทำการตลาดเชิงเดียวที่เน้นสินค้าเพียงตัวใดตัวหนึ่งเป็นหลัก ดูเหมือนว่าน่าจะไม่เหมาะกับการตลาดในยุคนี้ ซึ่งก็เห็นได้จากการที่ราคาหุ้นของ DDD เริ่มขยับราคาไปในทิศทางที่ดีขึ้น จนเข้าใกล้จุดที่ดีที่สุดในรอบปี อย่างไรก็ตาม ด้วยรายได้ที่ยังไม่ไปไหน รวมไปถึงกำไรและสัดส่วนของการทำกำไรที่ยังถอยหลังลงมาก็ทำให้ DDD ยังเป็นหุ้นที่ถ้าสนใจก็น่าจะเล่นรอบสั้นได้เพียงอย่างเดียวไปก่อน เพราะถ้าหากสนใจจะถือยาว ก็บอกเลยว่า DDD ในตอนนี้ยังไม่น่าสนใจเท่าไหร่เจ้าค่ะ
*** หุ้น Takuni เข้าสู่โหมดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เจ๊เมาธ์ ไม่ได้เชียร์หุ้นตัวนี้ แต่หลังจากทุนใหม่เข้ามา รูปแบบธุรกิจกำลังเปลี่ยนไป เข้าสู่เทรนด์ประหยัดพลังงานบริสุทธิ์ ส่วนจะเป็นธุรกิจอะไร รูปแบบไหน อดใจรอไม่นาน... และถ้าดูราคาหุ้น Kakuni บีบหัวใจนักลงทุนสุด ๆ แล้ว ราคาเริ่มขยับกลับขึ้นมารอบใหม่ รอบนี้ไปลุ้นกันดูว่า จะฝ่าไฟแดงหลัก 4 ได้หรือไม่ เจ๊เมาธ์ บอกเลยว่า ของเค้าแรงจริง
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,832 วันที่ 3 - 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565