อาการคัดจมูก มีน้ำมูกข้นสีเขียวหรือสีเหลืองไอติดต่อกันหลายสัปดาห์ ปวดหัว ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคไซนัสอักเสบ ซึ่งเป็นโรคที่พบได้บ่อยทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ หากไม่รีบมารักษาอาจทำให้เป็นโรคไซนัสอักเสบเรื้อรังที่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงตามมาได้
“โรคไซนัสอักเสบ” เป็นโรคที่เกิดการอักเสบติดเชื้อของโพรงอากาศในจมูก ซึ่งปกติโพรงไซนัสจะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 คู่ ได้แก่ บริเวณหน้าผาก บริเวณระหว่างหัวตา บริเวณโหนกแก้มข้างจมูก และบริเวณฐานกะโหลก
โดยการอักเสบสามารถเกิดขึ้นได้กับไซนัสทุกตำแหน่ง ไซนัสอักเสบจะมีอาการคล้ายกับไข้หวัดธรรมดาหรือโรคภูมิแพ้ แต่จะมีอาการรุนแรงและยาวนานมากกว่า เช่น คัดจมูก น้ำมูกข้นเขียวหรือเหลือง, เสมหะไหลลงคอ และกระตุ้นให้เกิดการไอบ่อย บางรายที่มีอาการรุนแรงอาจมีไข้สูง ตาบวมอักเสบ เป็นต้น
ไซนัสอักเสบ แบ่งเป็น 3 ชนิด ได้แก่
1. ไซนัสอักเสบเฉียบพลัน เกิดจากการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย ทำให้เกิดการอักเสบ มีเสมหะมากขึ้น คัดจมูก จะมีอาการไม่เกิน 4 สัปดาห์
2. ไซนัสอักเสบชนิดกึ่งเฉียบพลัน คือ โรคไซนัสอักเสบที่มีอาการตั้งแต่ 4 ถึง 12 สัปดาห์
3. ไซนัสอักเสบเรื้อรัง เป็นการอักเสบเรื้อรังที่ไม่ได้มีสาเหตุจากการติดเชื้อ โดยจะมีอาการเรื้อรังมานานกว่า 12 สัปดาห์
สาเหตุการเกิดโรคไซนัสอักเสบ มาจากหลายปัจจัยด้วยกัน เช่น เกิดขึ้นหลังจากอาการไข้หวัด เป็นสาเหตุที่พบมากที่สุด โดยเฉพาะในรายที่เป็นหวัดแล้วไม่พักผ่อนอย่างเพียงพอ, โรคภูมิแพ้ ทำให้เยื่อบุภายในช่องจมูกและไซนัสบวม เป็นๆ หายๆ ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน เป็นต้น
โดยภาวะแทรกซ้อนจากไซนัสอักเสบ มีผลทางตา ทำให้เนื้อเยื่อรอบๆ ตาอักเสบ และทางสมองที่มีอาการปวดหัว มีอาการคลื่นไส้อาเจียน รวมถึงจะมีผลต่อเยื่อบุทางเดินหายใจส่วนบนส่วนล่าง เกิดการอักเสบในหูชั้นกลางทำให้หูอื้อ
การวินิจฉัยโรคไซนัสอักเสบ แพทย์จะเริ่มจากการซักประวัติ ตรวจร่างกาย การส่องกล้อง
ตรวจโพรงจมูกและไซนัส ส่วนในกรณีที่เป็นไซนัสอักเสบเรื้อรังที่ต้องทำการผ่าตัด หรือในผู้ป่วยที่มี โรคแทรกซ้อน อาจจำเป็นต้องมีการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมโดยการทำ CT สแกนหรือเอกซ์เรย์คอมพิวเตอร์ การรักษาไซนัสอักเสบเฉียบพลัน ส่วนใหญ่มักจะรักษาด้วยการให้ยาปฏิชีวนะ ยาลดบวมของเยื่อจมูก
โดยแพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะระยะเวลาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคและชนิดของเชื้อก่อโรค ส่วนไซนัสอักเสบเรื้อรังแพทย์อาจพิจารณาให้การรักษาด้วยสเตียรอยด์พ่นจมูกหรือใช้น้ำเกลือล้างจมูก แต่ถ้ารักษาด้วยวิธีข้างต้นแล้วอาการไม่ดีขึ้น อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัด ในปัจจุบันนิยมผ่าตัดผ่านทางจมูกโดยใช้กล้อง Endoscope ทำให้แพทย์เห็นบริเวณผ่าตัดได้ชัดเจน สามารถตัดเนื้อเยื่อที่อักเสบออก เนื่องจากเป็นการผ่าตัดผ่านรูจมูกจึงไม่มีแผลผ่าตัดที่ผิวหนัง และเป็นวิธีการรักษาที่ปลอดภัย ทำให้ผู้ป่วยเลือดออกน้อย เจ็บแผลน้อย สามารถหายใจทางจมูกได้ดี ฟื้นตัวเร็ว
ทั้งนี้การดูแลตัวเองเมื่อเป็นไซนัสอักเสบ ต้องเริ่มจากการพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังสม่ำเสมอ งดการสูบบุหรี่ งดดื่มแอลกอฮอล์ ดื่มน้ำวันละ7-8 แก้ว หลีกเลี่ยงฝุ่นและพื้นที่ที่มีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิฉับพลัน หากมีอาการมากขึ้นควรรีบพบแพทย์ รับประทานยา และติดตามการรักษาสม่ำเสมอ
หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 44 ฉบับที่ 3,977 วันที่ 24 - 27 มีนาคม พ.ศ. 2567