วินาทีบรรลุธรรม

16 ต.ค. 2567 | 23:00 น.

วินาทีบรรลุธรรม คอลัมน์ ทำมาธรรมะ โดย ราชรามัญ

KEY

POINTS

  • มนุษย์เราทั้งหลายบุญวาสนาบารมีธรรม แตกต่างกันออกไป ดังนั้นวิธีการที่จะหลุดพ้นไปสู่นิพพาน ย่อมมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไปตามบุญ วาสนาบารมีของแต่ละบุคคล
  • การเห็นภาวะธรรมที่เรียกว่าเกิดดับนั้น จะทำให้เราเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าทุกๆ สัดส่วนของร่างกายนี้ ยึดมั่นถือมั่นไม่ได้เลย เป็นเพียงของอาศัยอยู่และท้ายสุด การละอัตตาก็จะเกิดขึ้น 

วินาทีบรรลุธรรม คอลัมน์ ทำมาธรรมะ โดย ราชรามัญ

 

พระสายปฏิบัติธรรม พระกัมมัฏฐาน ในเมืองไทย ถ้าสมมุติมีอยู่พันรูป ผมได้พบได้กราบได้สนทนาธรรมมาแล้วอย่างน้อยห้าร้อยรูป เพราะการเป็นนักเขียนในนิตยสารคนพ้นโลก /โลกทิพย์ / ศักดิ์สิทธิ์ /มหัศจรรย์ และอีกหลายๆ ยี่ห้อ ทำให้ผมได้มีโอกาส กราบนมัสการขอความรู้ จากพระสุปฏิปันโนทั่วประเทศ ได้ฟังประวัติได้เห็นแนวทางการปฏิบัติ อย่างอุกฤติของหลวงปู่หลวงพ่อแต่ละรูปที่แตกต่างกันออกไป...

ประเทศไทยนับได้ว่าโชคดี ที่มีพระป่า มุ่งประพฤติปฏิบัติ เพื่อความหลุดพ้น เป็นเป้าหมายอันสูงสุด แม้ว่าจะไปถึงหรือไม่ถึงก็สุดแท้แต่อย่างน้อย ตลอดชีวิตของหลวงปู่หลวงพ่อเหล่านั้น ก็ประพฤติปฏิบัติหรือมีปฏิปทา อยู่ในจารีต อันงดงามตามคำสอน โดยเฉพาะเรื่องพระธรรมวินัย  ส่วนกุศโลบาย ในการสอนพระกัมมัฏฐาน อาจจะมีรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ก็มิใช่เรื่องที่จะต้องมาตำหนิติเตียน

ด้วยเหตุผลที่ว่า มนุษย์เราทั้งหลายบุญวาสนาบารมีธรรม แตกต่างกันออกไป ดังนั้นวิธีการที่จะหลุดพ้นไปสู่ นิพพาน ย่อมมีลักษณะ ที่แตกต่างกันออกไปตามบุญ วาสนาบารมีของแต่ละบุคคลได้ ไม่จำเป็นที่จะต้อง หลุดพ้นจากความทุกข์ด้วยวิธีเดียวกันทั้งหมด พระอรหันต์รูปใดในพุทธกาล ที่บรรลุธรรม เหมือนกันบ้าง ในแต่ละรูป ใครที่เคยได้เรียนรู้ได้ศึกษาประวัติพระอรหันต์ จะเห็นได้ชัดเจนว่าวิธีการบรรลุธรรมแต่ละองค์นั้นมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

พระกัมมัฏฐานในเมืองไทย ต่างมีวินาทีบรรลุธรรมแตกต่างกัน บางรูปอาจจะเห็นกายระเบิดแตกยับเป็นจุณ โลกธาตุหวั่นไหว ในขณะที่ปฏิบัติพระกัมมัฏฐานทรงฌานทรงฤทธิ์อยู่
บางรูปก็เห็นภาวะเกิดดับตลอดทั้งสายตั้งแต่เช้าจรดเย็นทั่วร่างกาย เรียกได้ว่า ภาวะการเกิดการดับนั้น ได้ถอนวิสัยแห่งความเป็นปุถุชนจนสิ้น อย่างชนิดที่เรียกว่ายากจะอธิบายออกมาเป็นคำพูด

พระครูภาวนานุศาสก์ (หลวงพ่อแป้น ธัมมธโร)​


พระกัมมัฏฐานรูปหนึ่ง... ไม่ค่อยมีชื่อเสียงกว้างขวางในวงนอกเท่าไหร่ แต่ในวงการสงฆ์ต่างรู้จักท่านดี ว่าเป็นพระอาจารย์ใหญ่ในสายพระกัมมัฏฐาน คือ พระครูภาวนานุศาสก์ (แป้น ธัมมธโร)​ วัดไทรงาม ต.ดอนมะสังข์ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี

หลวงพ่อแป้น ท่านมุ่งเน้นให้เห็นสภาวะอาการเกิดดับของร่างกายที่มีอยู่ทั่ว โดยท่านยืนยันว่า การเห็นภาวะธรรมที่เรียกว่าเกิดดับนั้น จะทำให้เราเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าทุกๆ สัดส่วนของร่างกายนี้ ยึดมั่นถือมั่นไม่ได้เลย เป็นเพียงของอาศัยอยู่และท้ายสุด การละอัตตาก็จะเกิดขึ้น 

กุศโลบายในการสอนของหลวงพ่อแป้น ท่านจะให้ยกมือขวา โดยแบมือออก ค่อยๆ เคลื่อนลงค่อยๆ เคลื่อนขึ้นอย่างช้าๆ จะเป็นจังหวะก็ได้ หรือเคลื่อนติดต่อก็ได้ แต่เอาความรู้สึกทั้งหมดไปอยู่ที่กลางฝ่ามือ แต่ไม่ควรเพ่ง ไม่ควรจดจ้อง เพียงแค่อาศัยเฝ้าดูเฝ้ารู้สังเกต จะเห็นว่ากลางฝ่ามือ มีสภาวะเกิดดับ คล้ายกับการเต้นของชีพจรที่ข้อมือ ตุบตุบตุบ เรามีหน้าที่แค่เฝ้าดูไม่เพ่งไม่จ้อง ไม่นานก็จะทะลุ ไปถึงกลางหน้าอก แล้วทะลุไปถึงข้างหลัง วิ่งขึ้นไปตลอดสาย จนถึงศีรษะ แล้วย้อนเข้าถึงมโนวิญญาณ

นับว่าเป็นกุศโลบาย ที่มิได้พึ่งพลังแห่งสมาธิแต่ พึ่ง ความรู้สึกตัวทั่วพร้อม ร่วมกับสติในการเฝ้าดูเฝ้ารู้ภาวะธรรมที่เกิดดับนั้น พระคณาจารย์บางรูปให้ความเห็นว่านี่คือ หนทางสู่การรู้แจ้ง ที่ชัดตัดและเร็ว ไม่ต้องผ่านภาวะปิติไม่ต้องผ่านภาวะความสุขในอารมณ์สมาธิ

สำหรับผู้ที่ฝึกแบบการบริกรรมและเน้นสมถกรรมฐาน เมื่อนั่งมากๆ ก็จะต้องดับดิ่งสู่ระบบฌาน ตั้งแต่ฌานที่ 1 ถึงฌานที่ 4 และสุดท้ายก็ต้องสละฌานออก เพื่อให้เข้ามาถึง ภาวะธรรมที่เรียกว่าเกิดดับ จึงจะเป็น การเข้าสู่หนทางที่จะทำให้รู้แจ้ง ที่บางคนอาจเรียกว่า วิปัสสนา

แต่ตราบใดที่ยังจมอยู่กับอารมณ์สมาธิในฌานต่างๆ นั้นเรียกแค่เพียงว่าอารมณ์สมถะ คือการทำจิตให้เป็นหนึ่ง แน่นิ่งสงบในสมาธิ พึงจะหวังให้เกิดมรรคเกิดผล เพื่อการหลุดพ้นเป็นการยากเพราะโดยมากจะน้อมไปในฤทธิ์ทางใจเสียมาก

ผู้ที่ฝึกพระกัมมัฏฐาน แบบหลวงพ่อแป้น ถ้าทำต่อเนื่องติดกัน อย่างน้อย 7 วัน ภาวะธรรมอันแจ่มแจ้งย่อมก้าวลงสู่อริยมรรคแห่งโสดาบันเป็นเบื้องต้น และเมื่อทำต่อเนื่อง ผลแห่งโสดาย่อมปรากฏตามวาสนาบารมี ของผู้ปฏิบัติในวันใดวันหนึ่ง

พระราชภาวนาวัชราจารย์ วิ. เป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อแป้น ยืนยัน การปฏิบัติพระกัมมัฏฐาน ตามแนวของหลวงพ่อแป้น บางภาวธรรมก็สามารถระลึกกรรมได้หรือภาษาในสาย ปฏิบัติเรียกว่า "สังขารปรุงแต่ง" นักปฏิบัติบางท่านสังขารปรุงแต่งจนสิ้นแห่งกรรมทั้งปวง ภายในระยะเวลา 3 ปีก็มี

วินาทีบรรลุธรรมของแต่ละท่านนั้น ย่อมมีความเป็นไปตามวาสนาบารมี ที่สั่งสมกันมา ตลอดทั้งกุศโลบายหรือวิธีการปฏิบัติก็ย่อมแตกต่างกันออกไป ไม่มีสำนักใดผิดไม่มีวัดใดถูก ทุกอย่าง เราต้องถามตัวเองว่าเมื่อปฏิบัติแล้วเราจิตสงบไม่เครียดมีความทุกข์น้อยลง แนวทางการปฏิบัตินั้นก็เหมาะสมแก่เรา 

แต่สิ่งหนึ่งที่พึงอยากจะแนะนำนักปฏิบัติทั้งหลาย อย่ายึดติดครูบาอาจารย์ อย่ายึดติดกุศโลบาย แนวทางในการปฏิบัติ ขอให้รู้เพื่อทำความเข้าใจ และปล่อยให้สภาวะธรรมปรากฏ ตามธรรมชาติ ความเป็นตัวเรา ไม่ไปกดไม่ไปข่ม แล้วเราจะได้เห็น ความจริงทั้งปวง อย่างน้อยอริยมรรคหรือเส้นทางอันประเสริฐก็ย่อมปรากฏขึ้นในจิตใจของเราอย่างชนิดที่คิดไม่ถึง

ภาวะแห่งการปล่อยวางจะเกิดขึ้นเอง โดยที่สมองมิได้ทำงานไปกดไปข่มเพราะนั่นเป็นแค่การปล่อยทิ้ง ใครปฏิบัติอย่างต่อเนื่องก็จะลึกซึ้งและเข้าใจกับคำว่าวินาทีบรรลุธรรม