ข่าวคราวเกี่ยวกับเรื่องคนในพุทธศาสนา ในมุมที่เป็นเชิงลบมีค่อนข้างบ่อย โดยเฉพาะบุคคลที่เราเรียกว่า นักบวชหรือว่าพระภิกษุ เลยทำให้เกิดมุมคิดกันมากมายหลายมุมว่าพระสมัยนี้ หรือนักบวชสมัยนี้ เชื่อถือไม่ได้ หรือบางคนอาจจะมองไปถึงขนาดที่ว่าศาสนาเสื่อมแล้ว
แต่ในความเป็นจริงนั้น ศาสนาไม่เคยเสื่อม แต่บุคคลในศาสนาต่างหากที่เสื่อม เสื่อมจากการยึดมั่นในข้อวัดปฏิบัติที่เคร่งครัด ตามที่พระพุทธเจ้าทรงวางกรอบไว้ จึงเป็นความเสื่อมที่อาจจะเรียกได้ว่า เสื่อมในการปฏิบัติ
ไม่ทราบเคยส่งจดเอาไว้ชัดเจนว่าพุทธบริษัท 4 อันประกอบด้วยภิกษุ ภิกษุณีอุบาสก อุบาสิกา เป็นผู้ที่จะทำให้พุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง และเป็นผู้ที่จะทำให้พุทธศาสนาเสื่อมเสีย
แต่โดยเนื้อแท้แห่งหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่เคยเสื่อมแต่ประการใด ด้วยเหตุที่ว่า ธรรมะคือธรรมชาติทั้งปวง สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ ทรงรู้ความจริงทั้งปวงของธรรมชาติบนโลกใบนี้ว่า อาการเกิด อาการตั้งอยู่ อาการดับไปประกอบไปด้วยเหตุปัจจัยอะไรบ้าง
บ่อยครั้งที่เรามีข่าวคราวพระภิกษุชื่อดัง หรือนักบวชชื่อดัง ทำสิ่งนั้นสิ่งนี้จนเกิดความเสื่อมเสีย โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับเงินทอง เรื่องเกี่ยวกับข้อวัดปฏิบัติอันมิควรกระทำ ซึ่งเหล่านี้ก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้บุคคลที่มองจากภายนอกเข้าไปในพุทธศาสนามีความคิดและความเข้าใจว่าพุทธศาสนาเสื่อมแล้วอยู่บ่อยครั้ง
แต่ถ้าเรามองอีกมุมหนึ่ง เป็นไปได้ไหมที่ชาวพุทธเรามักจะนิยม ยึดถือในตัวบุคคลมากกว่ายึดถือในคำสอน ศรัทธาในตัวบุคคลมากกว่าศรัทธาในคำสอนของพระพุทธเจ้า จึงเป็นเหตุให้เกิดช่องว่าง ที่ทำให้บุคคลบางคนเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์กับพระพุทธศาสนา และก็เกิดข่าวฉาวต่างๆ ดังที่เป็นข่าว
แต่ถ้าชาวพุทธเรายึดในคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นหลักหาได้ยึดตัวบุคคล หายึดสำนักหรือวัดเป็นที่พึ่งมากกว่าคำสอนของพระองค์ ปัญหาต่างๆ ก็คงจะน้อยลง
ดังนั้น ชาวพุทธควรที่จะมีสติและมีศรัทธาอันประกอบด้วยปัญญากำกับ ก็จะทำให้เข้าใจตามความเป็นจริงว่า พระพุทธศาสนานั้นไม่เคยเสื่อม และจะเป็นการปิดช่องว่างที่จะทำให้กลุ่มบุคคลเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ด้วยการใช้ศรัทธาเป็นตัวตั้ง
จึงขอบอกเสมอว่า พระพุทธศาสนาไม่เคยเสื่อม แต่สิ่งที่เสื่อมคือบุคคลในพระพุทธศาสนา หรือบุคคลที่นับถือพระพุทธศาสนานั้นต่างหาก
บุคคลทั้งหลายบนโลกใบนี้ทำดีย่อมดี ทำชั่วย่อมชั่ว ไม่มีสิ่งใดบนโลกใบนี้ที่จะหลีกหนีในคำว่าวัฏฏะแห่งกรรม หรือ วิบากแห่งกรรมไปได้ แม้แต่พระดีที่เป็นพระอรหันต์แล้ว อย่างพระสารีบุตรก็ดี พระโมคคัลลานะก็ดี พระจักขุบาลก็ดี ต่างก็หนีวิบากกรรมไม่พ้นแต่อย่างใด
นับประสาอะไรกับเราท่านทั้งหลาย...