วิชาสุดท้ายที่คนตายไม่ได้เรียน

20 ก.ย. 2566 | 18:21 น.
อัปเดตล่าสุด :21 ก.ย. 2566 | 00:37 น.

วิชาสุดท้ายที่คนตายไม่ได้เรียน คอลัมน์ ทำมา ธรรมะ โดย ราชรามัญ

มนุษย์เรามักจะแสวงหาองค์ความรู้สำหรับทำมาหากินเพื่อสร้างฐานะของตนเอง แต่องค์ความรู้บางอย่างที่สำคัญต่อจิตวิญญาณมนุษย์เราไม่ค่อยได้ศึกษากันเท่าไหร่ บางคนอาจมองว่าเป็นเรื่องคร่ำครึก บางคนอาจมองเป็นเรื่องงมงายไร้สาระ แต่ความเป็นจริงแล้ว วิชาสุดท้ายที่คนตายไม่ได้เรียนเป็นวิชาที่สำคัญมาก

วิชานี้เป็นวิชาสำหรับการเตรียมตัวเพื่อจะไปสู่ภพภูมิข้างหน้าที่ดี และเป็นวิชาที่ถ้าใครได้เรียนรู้ย่อมนำตัวเองไปสู่สุคติได้เมื่อวันสุดท้ายแห่งลมหายใจมาถึง การเรียนรู้วิชาต่างๆ เมื่อเราตายลงแล้ววิชาความรู้เหล่านั้นก็กองไว้อยู่ที่ข้างโลงทั้งหมด ไม่สามารถหอบนำพาไปได้

แต่มีวิชาหนึ่ง ถ้าหากเราได้เรียนรู้เราสามารถหอบไปได้ เพราะเป็นวิชาที่อาศัยจิตวิญญาณเข้าไปเรียนรู้ และปฏิบัติวิชานั้นก็คือวิชาเปลี่ยนภพเปลี่ยนชาติเพื่อความสุคติ

 

หรือพูดง่ายๆ เป็นวิชาที่จะนำพาจิตวิญญาณของเราไปสู่ภพภูมิที่ดี กับชีวิตหลังความตาย การที่เราฝึกฝนจิตให้มีมโนกรรมที่ดีแล้วฝังลึกลงไปในจิตใต้สำนึก ครั้นถึงช่วงเวลาสุดท้ายแห่งชีวิต ตัวสติก็น้อย ตัวความรู้สึกตัวหรือสัมปชัญญะก็น้อย สิ่งต่างๆ ที่อยู่ภายใต้จิตใต้สำนึกจะปรากฏขึ้นมามากมายในสมองเรา และถ้าเรื่องราวที่เป็นกุศลถูกฝังไว้เยอะ เรื่องราวเหล่านั้นก็จะผุดขึ้นมาและนำพาให้จิตใจเราเกิดปิติ นำพาเราไปสู่ภพภูมิที่ดีได้เองโดยอัตโนมัติ

แต่ถ้าจิตของเราฝังลึกในจิตใต้สำนึกด้วยมโนกรรมที่ไม่ดี สิ่งที่ไม่ดีเหล่านั้นก็จะผุดขึ้นมาเช่นกัน แล้วนำพาให้จิตวิญญาณเราไปสู่ทุคติหรือแดนเกิดที่ลำบาก

ชายคนหนึ่งมีชีวิตด้วยการสร้างมโนกรรมที่ดี มองอะไรเห็นอะไรก็ให้เป็นการคิดบวก คิดดี คิดไปในฝ่ายกุศลวันสุดท้ายของชีวิตจึงมีสิ่งดีๆ ขึ้นมาปรากฏก่อนที่เขาจะสิ้นลม แล้วเขาก็ได้ไปเกิดในครอบครัวที่ดีตามความคิดสุดท้ายของเขา

กับบางคนที่ทั้งชีวิตทำแต่สิ่งไม่ดี หรือมีแนวคิดที่ไม่ดี ครั้นวันสุดท้ายของชีวิตสิ่งเหล่านั้นก็จะปรากฏขึ้นมา และสุดท้ายก็จะนำจิตวิญญาณของเขาไปสู่ภพภูมิไม่ดี

กฎธรรมชาติชนิดนี้สอดคล้องเป็นวิทยาศาสตร์อย่างสิ้นเชิง และทำให้ผู้คนทั้งหลายได้ฝึกอบรมจิตวิญญาณของตนเอง มีความสงบราบเรียบปิติสุข ดังนั้น ใครก็ตามที่ได้มีโอกาสฝึกฝนทางจิตวิญญาณ ไม่ว่าจะฝึกฝนด้วยการอ่านหรือการปฏิบัติมโนกรรม หรือจิตใจของเขา มักจะสร้างสรรค์แต่สิ่งที่ดีมากกว่าที่ไปนั่งวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่น

ต้องไม่ลืมว่าจิตวิญญาณ 1 ดวงนั้น เมื่อละจากร่างมนุษย์แล้วจะกลายเป็นสัมภเวสีหรือผู้แสวงหาที่เกิดตามแต่บุญกรรมที่ทำไว้ โดยใช้เวลาเพียงแค่ 30 วินาที ถ้าหากเราเป็นผู้มีบุญมากใจเราในวาระสุดท้ายก็จะคิดถึงแต่บุญกุศลนั้น แล้วนำพาเราไปเกิดในภพภูมิที่ดีได้

ในมุมของพระพุทธศาสนา การเวียนว่ายตายเกิดเป็นเรื่องธรรมดา ตราบใดที่ใจเรายังไม่บริสุทธิ์ดุจพระอรหันต์ ย่อมจะต้องเกิดวิกฤตต่างๆ กับชีวิต ถ้าเรามีแล้วทางที่ดีในการปกป้องดูแลจิตวิญญาณของเราความสุขทั้งปวงบนโลกใบนี้ย่อมปรากฏแก่เราเอง

พระพุทธเจ้าไม่สามารถพาผู้อื่นผู้ใดไปเกิดในภพภูมิที่ตนเองปรารถนาได้ เว้นเสียแต่ว่าบุคคลนั้นมีธรรมะมากพอ และมีมโนกรรมที่ดีย่อมเชื่อได้เลยว่าสุดท้ายชีวิตของเขาไปอุบัติเป็นเทวดาอย่างแน่นอน

ดังนั้น วิชาสุดท้ายที่คนตายไม่ได้เรียน จึงบอกว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่ควรเรียนรู้ ไม่ต้องรอให้ถึงวันสุดท้ายของชีวิตคุณ ก็สามารถที่จะพลิกขึ้นไปเป็นเทวดาได้ ไปขอให้ผู้อ่านทุกคนมีความสุขและมันมีมโนกรรมที่ดี ตั้งแต่เช้าจนเย็น ชีวิตของคุณจะพบแต่ความสำเร็จ ความราบรื่น และที่สุดคือดับทุกข์หลุดพ้นได้ แต่ทุกสิ่งอย่างนั้นก็ขึ้นอยู่กับกฎแห่งความเป็นธรรมชาติล้วนๆ ทั้งสิ้น