ตั๊กม้อ.. พระโพธิธรรม

12 มิ.ย. 2567 | 20:30 น.

ตั๊กม้อ.. พระโพธิธรรม คอลัมน์ ทำมาธรรมะ โดย ราชรามัญ

การเรียนรู้ธรรมะ... ถ้าเราเปิดใจให้กว้าง

จะเห็นธรรมอันงดงามปรากฏในอีกฟากหนึ่ง ที่เป็นหนึ่งเดียวกับเถรวาท

แต่เขาเรียกธรรมนั้นในนามแห่งนิกายมหายาน

ในคำสอนสายฌาน ได้รับการยอมอย่างกว้างขวางเมื่อในอดีตที่ประเทศจีน มิได้เป็นแค่ตำนาน แต่มีตัวตนอยู่จริง คือ พระโพธิธรรม ตั๊กม้อ ที่อยู่ประเทศอินเดีย แล้วเดินทางมาเผยแผ่ธรรมในประเทศจีน

ท่านตั๊กม้อ เป็นพระราชโอรสองค์ที่ 3 ของกษัตริย์แคว้นคันธาระ ประเทศอินเดีย ใกล้เมืองมัทราสในปัจจุบัน เมื่อคราวพระราชบิดาของท่านสิ้นพระชนม์ ทรงนั่งสมาธินาน 7 วัน ด้วยสมาธิฌานสี่ ที่หน้าพระบรมศพ ครั้นเมื่องานพิธีปลงพระศพผ่านไป ก็ทรงขอพี่ๆ ว่าจะออกบวช ส่วนเรื่องงานในราชสำนักให้พี่ๆ ดูแลปกครองไปเลย เพราะท่านไม่สนใจ

การออกบวชนั้นท่านได้ไปศึกษาธรรมอยู่กับพระปรัชญาตาระเถระ ผู้เป็นพระสังฆปรินายกองค์ที่ 27 แห่งนิกายเซน (ซึ่งอ้างว่าสืบมาตั้งแต่พระมหากัสสปะในสมัยพุทธกาล)​ ถือเป็นพระปฐมสังฆปริณายกของนิกายเซนในเรื่องของท่านตั๊กม้อ หรือ พระโพธิธรรม องค์ที่ 28 ถ้านับจากอินเดีย ถ้านับในจีนเป็นองค์แรกนั้น ที่น่าสนใจมากที่สุด คือ ธรรมะ คำพูดคำสอนหลายครั้งหลายตอนกระตุกให้ชวนคิดอย่างมาก

 

ตั๊กม้อ.. พระโพธิธรรม

 

การเดินทางไปประเทศจีน หลานของท่านตั๊กม้อขึ้นครองราชย์แล้ว และทำหนังสือไปถึงฮ่องเต้ของจีน ในช่วงค.ศ.526 ฮ่องเต้เหลียงอู่ตี้ เมื่อท่านตั๊กม้อไปถึงประเทศจีน ก็เดินทางอยู่รอบๆ นอกก่อน กระทั่งฮ่องเต้ทราบข่าวจึงไปนิมนต์ท่านมา

ครั้นเข้าเฝ้าแล้ว ก็ทราบว่านี่คือ องค์ตั๊กม้อ ที่เดินทางมาจากอินเดียจริง จึงขอสนทนาธรรมด้วย

"โยมทำบุญถวายทานอาหารมังสวิรัติพระเณรตลอด และโยมส่งเสริมให้ผู้คนบวชศึกษาธรรมตลอดในฤดูแล้ง โยมได้บุญใช่ไหม"

"ไม่ได้บุญอะไรเลย"

ฮ่องเต้ฟังแล้ว งงดิ.. 

"โยมซ่อมวัด สร้างโบสถ์ให้พระสวดมนต์ภาวนา ทุกปีแบบนี้ได้บุญมากไหม"

"ไม่.. ไม่ได้บุญอะไรเลย"

ห๋า..! ฮ่องเต้เริ่มหงุดหงิด สีหน้าไม่ดี งงกับคำพูดตั๊กม้อ แบบฉุนมาก ทำบุญทำไมไม่ได้บุญอะไรเลย

"ตกลงท่านเป็นใคร" ฮ่องเต้ฉุนเลยถาม

"ไม่รู้" คือคำตอบของท่านตั๊กม้อ

"ถ้าอย่างนั้นเชิญท่าน ออกไปจากวังข้าตามอัธยาศัยเถิด"

 

ตั๊กม้อ.. พระโพธิธรรม

 

พูดง่ายๆ ไล่ท่านออกจากวัง เพราะมีความเข้าใจว่า คุยกันไม่รู้เรื่อง ท่านตั๊กม้อออกจากวัง ไปวัดแห่งหนึ่งเพื่อขออาศัยจำวัด เจ้าอาวาสทราบว่านี่คือ องค์ตั๊กม้อ เหมือนที่ทางการประกาศจึงนิมนต์ให้พักตามอัธยาศัย

พระภิกษุในวัดต่างเข้ากรรมฐาน การเข้าห้องนี้ห้ามพูดคุย ห้ามทำกิจใดๆ แม้แต่ห้ามพูดคุย ให้นั่งเงียบอย่างเดียว

ท่านตั๊กม้อเข้าไปในห้องนั้น แล้วหยิบเอาก้อนหินถูกับโต๊ะไปมาจนเกิดเสียง พระรูปหนึ่งจึงถามว่า ท่านทำอะไรทำให้เกิดเสียงรบกวนทำไมเขานั่งสมาธิกันอยู่

"ถูหินเพื่อให้เป็นกระจก" ตั๊กม้อตอบ

"จะบ้าเหรอ เอาก้อนหินมาถูกระจกได้ไง"

"พวกท่านนั่งสมาธิทำไม" ตั๊กม้อถาม

"นั่งเพื่อบรรลุธรรมธรรมไง"

"การนั่งสมาธิจะทำให้บรรลุธรรมได้อย่างไร"

แล้วท่านก็ออกจากห้องนั้น... ธรรมะของท่านถ้ามองผ่านๆ เหมือนกับกวนๆ

ฮ่องเต้ ได้นิมนต์พระเถระรูปหนึ่งไปถามเรื่องที่เกิดขึ้นในระหว่างสนทนากับท่านตั๊กม้อ เมื่อเล่าคำถามคำตอบที่สนทนากับตั๊กม้อให้พระเถระรูปนั้นฟังท่านก็อมยิ้มพร้อมหัวเราะในลำคอแล้วกล่าวว่า

"ฝ่าบาททำบุญมากมาย แต่ชอบพูดอวด บุญนั้นก็หายหมดลดลง ท่านตั๊กม้อก็พูดถูกแล้ว ส่วนที่ถามว่าเขาเป็นใครแล้วตอบว่า ไม่รู้ นั่นแสดงให้เห็นว่า ท่านตั๊กม้อปฏิบัติสำเร็จเป็นพระอรหันต์ไร้ตัวตนแล้ว สาธุ"

ฮ่องเต้ฟังแล้วอึ่ง แล้วสั่งให้ไปนิมนต์ ท่านมาใหม่อีกครั้งแต่ไม่ทันแล้ว ท่านนั่งสมาธิหันหน้าเข้าผนังถ้ำในวัดแห่งหนึ่งแล้ว