แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 31 

15 ส.ค. 2567 | 03:30 น.
อัปเดตล่าสุด :15 ส.ค. 2567 | 03:52 น.

แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 31  คอลัมน์คนมากับดวง โดย ราชรามัญ

จะให้เขียนถึงทุกๆ แคนดิเดต ก็คงจะต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน เอาเป็นว่าขอเขียนถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่อยู่ในเกณฑ์ดวงชะตาที่ปรากฏตามสื่อน่าจะเหมาะสมกว่า 

ท่านแรก นายชัยเกษม นิติสิริ เกิดวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ.2491 แคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทยด้วยดวงชะตาท่าน ที่เกิดในเดือนสิงหาคม วางลัคนาแบบมุมกว้างได้ราศีสิงห์ มีดาวอาทิตย์ ร่วมดาวพุธและดาวเสาร์ เป็นดาวกุมดวงชะตา เป็นกลุ่มดาวรากฐานแห่งศักดินาทหารและท้าวการศึกษามากกว่าทางการเมือง แต่ท่านมาทางการเมือง ซึ่งการมาทางนี้ค่อนข้างจะฝืนดวงชะตาตั้งแต่ต้น การเดินมาทางที่ฝืนดวงชะตานั้นมักจะไม่นำพาตนไปสู่จุดสูงสุดได้ แม้ได้ก็มีแต่ความยากลำบากลำเค็ญ ทั้งทางกายและใจ

ด้วยบุคคลิกที่กล้าคิดกล้าทำ มีแนวคิดที่แตกต่าง อาทิ เพื่อนจะไปทางขวางแต่ท่านจะนิยมเดินไปทางซ้าย แม้มีภัยอันตรายก็ยอม เป็นต้น เชื่อมั่นในแนวคิดแห่งตนมากกว่าผู้อื่น ยอมหักไม่ยอมงอ

ดาวศุกร์๖ จรทับในช่วงนี้ ไม่เป็นผลดีต่อเจ้าชะตา เพราะสิ่งต่างๆ ที่จะได้มาดีแค่เพียงตอนต้น ครั้นปลายเดือนสิงหาคมก็จะเริ่มมีปัญหา จะทำให้เกิดภาวะหงุดหงิด โศกเศร้า เหนื่อยล้า และสุดท้ายอาจลามไปถึงปัญหาสุขภาพได้

ความทุกข์ปรากฏมากกว่าความสุข ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ ดวงชะตาไม่เอื้อ กับการที่จะลงมือทำการใหญ่ใดๆ ทั้งสิ้น แต่เหมาะแก่การเป็นที่ปรึกษาเป็นกุนซือ ชี้แนะต่างๆ มากกว่า เพราะพื้นฐานดวงชะตาเป็นเช่นนั้น

หากฝืนดวงชะตาเพื่อรับตำแหน่งแห่งหนได้หรือไม่ คำตอบคือ ฝืนได้ แต่ไม่นานก็จะต้องเกิดบาดหมางซึ่งกันและกัน ดังนั้นควรยืนอยู่ในจุด ตามที่ดวงชะตาฟ้าลิขิต แล้วจะมีความสุขมากที่สุด

สรุปง่ายๆ ดวงชะตาในเกณฑ์นี้ ไม่ควรรับตำแหน่งใหญ่ใดๆ จะเป็นการฝืนดวงชะตาแล้วมีเกณฑ์นำพาไปสู่ความยุ่งยากในวันข้างหน้า แต่ถ้ามีความจำเป็นที่จะต้องรับก็ต้องแก้ดวงชะตา อาทิ ไม่นั่งทำงานในทำเนียบ เป็นต้น

แต่หากว่าตามดวงชะตาจริงๆ... เป็นนายกรัฐมนตรีได้ยาก.. เพราะเมื่อเป็นแล้วก็เหมือนไม่ได้เป็น...

ท่านที่สอง นายอนุทิน ชาญวีรกูล ดวงชะตาเกิดวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2509 ความละเอียดของดวงชะตา ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล บางท่านก็ไปวางลัคนาไว้ที่ราศีกันย์แต่เมื่อเราทราบรายละเอียด จึงพอมองดวงชะตาออก ว่านี่คือ ศักดินาพระยาหมื่นไร่ และมิใช่ราศีกันย์ แต่ประการใด

เป็นราศีเดียวกับดวงเมือง คือ ราศีเมษ ดาวประจำตัวในพื้นฐาน คือดาวราหูนำร่วมกับดาวเสาร์และดาวเกตุ พื้นฐานนี้เขาเรียกตาม หลักภาษาว่า ดาวแห่งศักดินารอง ในวันที่ดวงชะตาของบุคคลอื่นไม่ถึงเกณฑ์ศักดินาใหญ่ บุคคลที่เป็นศักดินารองจะขึ้นเป็นใหญ่แทน

ดาวอาทิตย์ดาวพุธจร มาพบเจอกับ ดาวอังคารและดาวพฤหัส ทำให้เกิดการสนับสนุน จากบุคคลภายนอกที่มิใช่ครอบครัว แต่เป็นเหมือนประดุจครอบครัวของตน ผลักดัน ให้ก้าวไปสู่ ตำแหน่งที่สูงกว่าเดิม

แต่ด้วยความเป็นคนที่เฮฮา ประนีประนอมมีเหตุผลเคารพกติกา จึงทำให้เกิดความสง่างามมากขึ้น แม้ตอนที่จะเลื่อนตำแหน่งขึ้นอาจจะดูเหมือนยากเย็น แต่เมื่อได้เลื่อนขึ้นได้เป็นแล้ว จะปรากฏสิ่งที่ดีแก่มวลรวมมหาชน

ด้วยดวงชะตาเป็นราศีเดียวกับดวงเมือง จึงทำให้สอดคล้องกลมกลืนและนำพารัฐนาวา ผ่านพ้นวิกฤตได้ ไม่มีเกณฑ์อุบัติเหตุทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น

จึงถือได้เป็นดวงชะตาที่เหมาะสม จะได้ตำแหน่งแห่งหนอีกดวงหนึ่ง

ท่านที่สาม นายพีระพันธ์ุ  สาลีรัฐวิภาค ท่านเกิดในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2502 เมื่อวางลัคนาแบบกว้างจะอยู่ที่ราศีกุมภ์ ซึ่งเป็นราศีเดียวกับอดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 แต่ดาวประจำตัวคนละดวง คือประกอบด้วยดาวอาทิตย์และดาวพุธ เป็นคนที่สุขุม ใช้สติมากกว่าอารมณ์ เหมาะสมแก่การเป็นผู้นำ แต่การเป็นผู้นำของเจ้าชะตานี้จะเป็นทางฝ่ายวิชาการ และฝ่ายที่ปรึกษา จะค่อนข้างโดดเด่น

แม้ให้เป็นเสนาบดีก็สามารถทำงานได้ ในลักษณะที่ค่อนข้างรัดกุม มากด้วยเหตุผลและหลักตามความเป็นจริง ไม่นิยมคิดอะไรที่มองไม่เห็นหรือเป็นนามธรรมมากกว่ารูปธรรม

ในรอบปีนี้ นับว่ายังไม่ถึงวาระที่จะได้โดดเด่น เป็นถึงนายกรัฐมนตรี แต่ความรู้ความสามารถและวิถีแห่งดวงชะตา ยังนำพาให้มาช่วยงานบ้านงานเมืองได้เหมือนเดิม และการที่ได้มาดูแลด้านพลังงาน นับได้ว่าถูกต้องกับดวงชะตายิ่งนัก เพราะดาวอาทิตย์เด่น และสามารถบริหารจัดการได้ดี เป็นผู้นำที่มีบริวารน้อย แต่บริวารนั้นมากด้วยคุณภาพ

ท่านที่สี่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ท่านเกิดวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ท่านเป็นคนราศีสิงห์ ที่มีองศาค่อนไปทางกัน แต่เมื่อมองภาพรวมกว้างๆ ของดวงชะตาแล้ว จะสถิตอยู่ในราศีสิงห์มากกว่าราศีกันย์ บิ๊กป้อมเป็นบุคคลที่ค่อนข้างมีชีวิตที่เรียบง่าย ตามดวงชะตานั้น มิได้เป็นคนที่ปรารถนาในสิ่งที่ใหญ่โตอะไรมากมาย แต่เป็นคนที่มีเหตุมีผลและไม่คิดทำร้ายใครก่อน เป็นบุคคลที่ค่อนข้างมีความเมตตา

จากดวงชะตาของท่านในช่วงนี้ ในเรื่องทางการเมือง ลึกๆ ในใจก็ไม่ได้พึงปรารถนา อยากจะเป็นใหญ่เป็นโตใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแค่ปรารถนาบริหารจัดการองค์กรของตัวเอง ให้ยืนหยัดอยู่ได้ ในสังคมการเมือง

ในช่วงบรรยากาศ จะมีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ บิ๊กป้อมเองก็พร้อมจะสนับสนุน บุคคลที่มีความรู้ความสามารถ และเป็นบุคคลที่พึงรักชาติศาสนาและสถาบันพระมหากษัตริย์ ส่วนตัวท่านเอง วาสนาจะเป็นเพียงแค่ที่ปรึกษา หรือกุนซือ ตามประสาในวงการการเมืองมากกว่าที่จะออกโรงเอง ในการบริหารจัดการทางการเมือง

สรุปความได้ว่า... ดวงชะตาของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ค่อนข้างจะเด่น และเหมาะสม กับตำแหน่งแห่งหน ระดับศักดินาใหญ่ แม้ว่าดวงชะตาจะเป็นเพียงศักดินารองก็ตาม แต่เมื่อเทียบกันกับแคนดิเดตนายกหลายๆ ท่าน ถือว่าโดดเด่นที่สุด

จึงมีความน่าจะเป็นไปได้สูงที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล มีเกณฑ์ทางดวงชะตาค่อนข้างสูง ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 แต่ถ้าใครคิดฝืนดวงชะตาของแคนดิเดตนายกฯ ก็จะต้องประสบผลบางอย่างแบบที่คาดไม่ถึงเหมือนที่ผ่านๆ มา