โฉมใหม่ “ดุสิตธานี กรุงเทพฯ” แรงบันดาลใจทรงคุณค่าในอดีต สู่บริบทใหม่สุดล้ำ

20 ก.ค. 2567 | 07:20 น.
อัพเดตล่าสุด :20 ก.ค. 2567 | 07:54 น.

ตำนานโรงแรมหรู “ดุสิตธานี กรุงเทพฯ” นำเสนอเอกลักษณ์ความเป็นไทย สร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวทั่วโลก มากว่า 5 ทศวรรษ กำลังจะกลับมาเปิดรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง ในวันที่ 27 ก.ย.2567 นี้ โฉมใหม่ของโรงแรม จะเป็นบริบทใหม่ที่ก้าวสู่โลกยุคใหม่ ผสมผสานความงดงามร่วมสมัยขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาจิตวิญญาณและความเป็นตัวตนของกลุ่มดุสิตธานี ซึ่งจะเป็น Iconic ใหม่ในย่านพระราม 4 ศูนย์กลางธุรกิจและการท่องเที่ยวของไทย

การกลับมาอีกครั้ง ยิ่งใหญ่กว่าเดิม หลังใช้เวลาก่อสร้างโฉมใหม่กว่า 5 ปี ทุบอาคารโรงแรมเดิมทิ้ง เปิดประตูสู่บทใหม่ ซึ่งโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ จะเป็นเฟสแรกในโครงการมิกซ์ยูส “Dusit Central Park” จากพื้นที่เดิม 18 ไร่ ขยายเป็น 23 ไร่ และกำลังจะมาพร้อมกับเรสซิเดนเซส อาคารสำนักงาน และศูนย์การค้า

ดุสิตธานี กรุงเทพฯ จะเป็นมากกว่าโรงแรม แต่คือตำนานที่คงอยู่คู่กรุงเทพฯ มานานกว่า 50 ปี และก้าวสู่บทต่อไป ที่จะสร้างให้เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ ใจกลางกรุงเทพฯ ภายใต้แนวคิด “An Icon Reimagined” ผสมผสานสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ สะท้อนวิถีชีวิตและวัฒนธรรมไทย กับนวัตกรรมและความทันสมัยบันทึกเรื่องราวและความทรงจำ ผ่านยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป

การทุบโรงแรมเพื่อปรับโฉมใหม่ไม่ใช่เรื่องง่ายด้วยเหตุนี้โรงแรมจึงได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยศิลปากร เข้ามาศึกษา และเก็บรายละเอียดต่างๆ ภายในโรงแรมอย่างละเอียด นำไปใช้ในการออกแบบและก่อสร้างโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ โฉมใหม่ตลอดระยะเวลา 8 เดือน

โฉมใหม่ “ดุสิตธานี กรุงเทพฯ” แรงบันดาลใจทรงคุณค่าในอดีต สู่บริบทใหม่สุดล้ำ

โรงแรมจะเป็นอาคารสูงสีทอง 39 ชั้น ประกอบไปด้วยห้องพักตั้งแต่ห้องดีลักซ์ จนถึงห้องสวีท 257 ห้อง ทุกห้องสะท้อนเอกลักษณ์ของความเป็นไทย กับความสากลทันสมัยที่ตอบโจทย์การใช้งานของนักเดินทางในยุคใหม่ ด้วยพื้นที่ห้องพักมาตรฐานขนาดเริ่มต้นที่ 50 ตรม. ขึ้นไป ราคาเริ่มต้นที่ 15,000 บาทต่อคืน การออกแบบภายในมาจาก Andre Fu Studio สตูดิโอออกแบบตกแต่งภายในชั้นนำของเอเชียที่ได้รับการยกย่องในระดับสากล และสตูดิโอออกแบบภายในชั้นนำของไทยที่โด่งดังระดับแถวหน้าในเอเชียอย่าง P49DEESIGN AND ASSOCIATES มาช่วยดูแลชั้นพิเศษที่เรียกว่า Heritage Floor ให้อีกด้วย

นางสาวณัฐภาณุ์ ศรียุกต์สิริ กรรมการผู้จัดการ ดุสิต เอสเตท และรองประธานฝ่ายกลยุทธ์การออกแบบและงานครีเอทีฟ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การ Reimagined ดุสิตธานีโฉมใหม่มีความท้าทายในการออกแบบคือการรักษาแบรนด์และความเป็นตัวตนของดุสิตธานี ที่ต้องมาพร้อมกับรูปโฉมใหม่ ขณะเดียวกัน ต้องเก็บรักษาชิ้นงานเก่า และการสร้างสรรค์ชิ้นงานใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากชิ้นงานเก่า เพื่อตีโจทย์จากอดีตให้กลายเป็นปัจจุบันและเชื่อมโยงไปสู่อนาคต เป็นความกลมกลืนของช่วงเวลา

เราต้องการทำให้ลูกค้าได้สัมผัสความรู้สึกพิเศษตั้งแต่ก้าวเข้าโรงแรม ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งที่สะท้อนคาแรกเตอร์ของเมือง เพื่อให้เป็นสถานที่ที่สร้างความทรงจำที่ดีสำหรับแขก โดยทุกพื้นที่จะมีความสวยงาม ไม่มีมุมอับหรือถูกบดบัง รวมทั้งมีผนังที่เป็นมากกว่ากำแพงกั้นธรรมดา  

โฉมใหม่ “ดุสิตธานี กรุงเทพฯ” แรงบันดาลใจทรงคุณค่าในอดีต สู่บริบทใหม่สุดล้ำ

ในขณะเดียวกันโรงแรม ยังเต็มไปด้วยเรื่องราว และความผูกพัน ในฐานะการเป็นโรงแรม 5 ดาวแห่งแรก ๆ ของกรุงเทพ ดังนั้นการการออกแบบตกแต่งยังต้องสะท้อนเรื่องราวและประวัติศาสตร์ความเป็นมา ซึ่งการตีความโจทย์นี้ เราเลือกที่จะมองโรงแรมดุสิตธานีเดิมผ่านมุมมองใหม่ ๆ  ทีมงานมีการเก็บข้อมูลศึกษารูปแบบหรือแพทเทิร์นดีไซน์ของเดิม โดยนำจุดเด่นเหล่านั้นมาประยุกต์ ดัดแปลง ให้กลายเป็นชิ้นงานใหม่ ๆ ที่นำเสนอความเป็นไทยที่มีความร่วมสมัยเหนือกาลเวลาในหลากหลายมิติ

โฉมใหม่ “ดุสิตธานี กรุงเทพฯ” แรงบันดาลใจทรงคุณค่าในอดีต สู่บริบทใหม่สุดล้ำ

ตั้งแต่ชั้นล่างสุดไปจนถึงยอดตึก เช่น การใช้โทนสีแบบไทย หรือ Thai Tone เพื่อส่งมอบความอบอุ่นสบายให้กับแขก หรือเน้นการใช้สีเขียว เพื่อสะท้อนจุดที่ตั้งของโรงแรมที่อยู่ตรงข้ามสวนลุมพินี ซึ่งเป็นพื้นที่สีเขียวของกรุงเทพ หรือแม้แต่ลวดลายและเส้นสายแพทเทิร์นชิ้นงานประดับ 

ตั้งแต่ชั้นล่างสุดไปจนถึงยอดตึก เช่น การใช้โทนสีแบบไทย หรือ Thai Tone เพื่อส่งมอบความอบอุ่นสบายให้กับแขก หรือเน้นการใช้สีเขียว เพื่อสะท้อนจุดที่ตั้งของโรงแรมที่อยู่ตรงข้ามสวนลุมพินี ซึ่งเป็นพื้นที่สีเขียวของกรุงเทพ หรือแม้แต่ลวดลายและเส้นสายแพทเทิร์นชิ้นงานประดับ หรือการตกแต่งผนังที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก “เส้นสินเทา” เส้นแบ่งระหว่างสวรรค์กับโลกมนุษย์ที่พบในงานจิตรกรรมฝาผนังของไทย ถูกนำมาใช้เพื่อสะท้อนความเป็นสวรรค์บนดิน ให้สมกับชื่อของดุสิตธานี

นอกจากนี้ยังนำชิ้นงานอนุรักษ์ที่โดดเด่นของโรงแรมเดิมกลับมาตกแต่งโรงแรมใหม่ในที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ต้นไม้ หรืองานจิตรกรรมเสาและกำแพง ซึ่งเป็นผลงานของศิลปินแห่งชาติ “ท่านกูฎ” ไพบูลย์ สุวรรณกูฎจากห้องอาหารเบญจรงค์ ขณะเดียวกัน เราก็ยังทำงานร่วมกับศิลปินไทย รุ่นใหม่ ๆ เพื่อนำเสนอชิ้นงานศิลปะตกแต่งที่สะท้อนคุณค่างานฝีมือของคนไทยด้วยเทคนิคที่มีความทันสมัยและเป็นสากลเช่นกัน

โฉมใหม่ “ดุสิตธานี กรุงเทพฯ” แรงบันดาลใจทรงคุณค่าในอดีต สู่บริบทใหม่สุดล้ำ

ขณะที่การออกแบบตกแต่ง นายสมเกียรติ โล่ห์จินดาพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท A49 สะท้อนให้เราฟังว่าดุสิตธานี รูปโฉมใหม่ ได้รับการออกแบบให้เชื่อมต่อโรงแรมเข้ากับบริบทของเมือง เพื่อสร้างบทสนทนาใหม่ ๆ และสร้างความมีชีวิตชีวาให้กับเมือง ท้องถนน และผู้คน ซึ่งสอดคล้องกับความเป็นเมืองในยุคสมัยใหม่

อย่างอาคารสมัยก่อนค่อนข้างรั้วรอบขอบชิด ส่วนอาคารสมัยใหม่จะมีความเชื่อมโยงกับผู้คนและเมืองมากขึ้น รวมทั้งสอดรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้คนอย่างบริเวณ “รูฟ พาร์ค” ของโครงการที่สร้างเป็นสวนสาธารณะลอยฟ้าขนาด 7 ไร่ ที่นอกจากเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับกรุงเทพฯ แล้ว ยังตอบสนองการใช้ชีวิตของคนเมืองที่ต้องการใกล้ชิดกับธรรมชาติอีกด้วย

โฉมใหม่ “ดุสิตธานี กรุงเทพฯ” แรงบันดาลใจทรงคุณค่าในอดีต สู่บริบทใหม่สุดล้ำ

นอกจากรูปร่างของตัวอาคารที่เปลี่ยนแปลงจากรูปทรงสามเหลี่ยมเป็นสี่เหลี่ยมที่มีความสูงถึง 39 ชั้นแล้ว การออกแบบฟังก์ชั่นต่าง ๆ ของอาคาร ก็ต้องเข้ากับเทรนด์สมัยใหม่ ทั้งขนาดของห้องพักที่กว้างขวางขึ้น พร้อมเปิดรับวิวพานอรามิกของสวนลุมพินีอย่างเต็มที่ผ่านกรอบหน้าต่างสีทอง ซึ่งเป็นคาแรคเตอร์ที่สำคัญของห้องพักรูปลักษณ์ใหม่ รวมถึงรูฟท็อปบาร์และสกายล็อบบี้ ที่จะได้สัมผัสวิวเมืองที่สวยงาม แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงกลิ่นอายดั้งเดิมและจิตวิญญาณของดุสิตธานีใน 50 ปีก่อนไว้ได้อย่างลงตัว สำหรับแรงบันดาลใจจากโรงแรมดุสิตธานีเดิม มาสู่รูปโฉมใหม่ ที่จะปรากฏให้เห็นในส่วนต่าง ๆ ของโรงแรมที่เราจะสัมผัสได้ใน  3 หมวดหลัก ได้แก่

โฉมใหม่ “ดุสิตธานี กรุงเทพฯ” แรงบันดาลใจทรงคุณค่าในอดีต สู่บริบทใหม่สุดล้ำ

1.RELOCATION ไม่ว่าจะเป็น “ยอดเสาสีทอง” สัญลักษณ์แห่งความทรงจํา ได้แรงบันดาลใจมาจาก ยอดของพระปรางค์วัดอรุณราชวราราม ได้สร้างสรรค์ยอดเสาใหม่ที่มีลักษณะโปร่ง เพื่อยังคงมองเห็นยอดเสาสีทองเดิมด้านในอย่างชัดเจน

ขณะที่ “ฝ้าเพดานไม้สัก” จาก “ห้องอาหารเบญจรงค์” ซึ่งเป็นไฮไลท์ของห้องอาหารเบญจรงค์เดิมทุกชิ้นได้รับการเก็บรักษา และเคลื่อนย้ายมาติดตั้งยังห้องอาหารแห่งใหม่ โดยรูปแบบของเพดานแต่ละช่องออกแบบให้แตกต่างกันในรายละเอียดของความเป็นไทย รวมถึงปรับเปลี่ยนโทนสีของวัสดุเพื่อสร้างมิติความลึกของฝ้าเพดานให้โดดเด่นยิ่งขึ้น นอกจากนี้ภาพวาดฝาผนังบริเวณโถง Heritage Floor ที่ได้อนุรักษ์ภาพวาดดั้งเดิมของฝาผนังอันทรงคุณค่า ที่บอกเล่า เรื่องราววิถีชีวิตของคนไทยในอดีต

โฉมใหม่ “ดุสิตธานี กรุงเทพฯ” แรงบันดาลใจทรงคุณค่าในอดีต สู่บริบทใหม่สุดล้ำ

ส่วนบริเวณทางเดินของห้องอาหาร ซึ่งของเดิมวาดลงบนผนังโดยตรงงานอนุรักษ์จึงจำเป็นต้องเก็บรักษาทั้งผนังตั้งแต่ขั้นตอนการรื้อถอน โดยภาพวาดทั้งหมดจะย้ายไปติดตั้งบริเวณโถงทางเข้าสู่ห้องจัดเลี้ยงในโรงแรมแห่งใหม่เช่นกัน อีกทั้งการกลับมาของสวนเมืองร้อนที่สร้างพื้นที่พักใจให้ผู้มาเยือน โดยทางโรงแรมได้รักษาต้นไม้เดิมของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ แห่งเดิมไว้ เช่น “ลีลาวดี” ที่อยู่บริเวณน้ำตก ซึ่งท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ผู้ก่อตั้งเป็นผู้ปลูกไว้เมื่อแรกสร้างโรงแรม ได้รับการล้อมย้ายไปปลูกที่โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน และจะย้ายกลับมาปลูกที่เดิม เมื่อโรงแรมเปิดให้บริการ การกลับมาครั้งใหม่ของน้ำตก 9 ชั้น ที่เรียกขานกันว่า น้ำตกสวรรค์ชั้นดุสิต รายล้อมด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิดหนึ่งในซิกเนเจอร์ของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ที่สร้างความร่มรื่น และสดชื่น

โฉมใหม่ “ดุสิตธานี กรุงเทพฯ” แรงบันดาลใจทรงคุณค่าในอดีต สู่บริบทใหม่สุดล้ำ

2.INSPIRATION อาทิ “กรอบอาคารมงคลสีทอง” ที่มีความหมาย และความเป็นมงคลเอาไว้อย่างครบถ้วน โดยเฉพาะส่วนด้านหน้าของอาคาร หรือกรอบอาคารที่สร้างสรรค์ผ่านลวดลายกลีบดอกไม้ไทย หรือกลีบดอกบัว ผ่านการวางสมมาตรตามศาสตร์ฮวงจุ้ยเพื่อเสริมมงคล  และรั้วกำแพงแก้วของโรงแรมที่ได้รับแรงบันดาลใจจากลวดลายหกเหลี่ยมของรั้วกำแพงโรงแรมเดิมที่นำมาดัดแปลงออกแบบให้ร่วมสมัยขึ้น

โดยคติความเชื่อของไทยรั้วกำแพงแก้ว มักพบเห็นได้ตามกำแพงวัดไทย เปรียบเสมือนเกราะป้องกันภัยอันตรายต่าง ๆ สื่อถึงการปกป้องดูแลแขกทุกคนให้ได้รับความอยู่เย็นเป็นสุข ส่วน “Golden Photography frame” กรอบหน้าต่างสีทองที่ออกแบบเสมือนกรอบภาพขนาดใหญ่ ที่แขที่แขกทุกท่านจะได้สัมผัสทัศนียภาพอันเขียวขจีของสวนลุมพินีและวิวเมืองอันงดงาม

โฉมใหม่ “ดุสิตธานี กรุงเทพฯ” แรงบันดาลใจทรงคุณค่าในอดีต สู่บริบทใหม่สุดล้ำ

3.PATTERNS อาทิ ฉากตกแต่งด้านหลังของล็อบบี้ ได้รับการพัฒนาและออกแบบโดย Projectt Studio และDong Sculpture ดีไซเนอร์ออกแบบให้ลวดลายของฉากหลังที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก ‘เส้นสินเทา’ ในภาพจิตรกรรมฝาผนังไทย ด้วยลายเส้นที่สะบัดเป็นริ้วโค้งหรือช่องสามเหลี่ยมรวมถึงแบ่งเรื่องราวแต่ละภาพตามรูปแบบในงานจิตรกรรมฝาผนังไทย โดยออกแบบให้มีรูปทรงเหมือนก้อนเมฆ เพื่อสะท้อนถึงสวรรค์ชั้นดุสิตตามชื่อของโรงแรมนับถอยหลังอีกไม่นานเราจะได้ใช้บริการโฉมใหม่ของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ผ่านการผสมผสานเอกลักษณ์ดั้งเดิมเข้ากับนวัตกรรมและความทันสมัยอย่างลงตัว