เสือข้ามห้วย ป่วนกองทัพไทย

รายการ 3 บก.จัดโดย วีระศักดิ์ พงษ์อักษร บรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ และบากบั่น บุญเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ได้วิเคราะห์โผโยกย้ายเหล่าทัพ ที่ถูกหลายฝ่ายจับตามองอย่างไม่กระพริบตา 

เพราะปม “เสือข้ามห้วย” กลายเป็นประเด็นใหญ่ “ข้ามห้วยและ ข้ามหัว” ในเหล่าทัพ โดยเฉพาะเหล่าทัพ คือ กองทัพเรือ และ กองทัพอากาศ

เสือข้ามห้วย ในเหล่าทัพ วันที่ 26 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา  มีการประชุมสภากลาโหม เพื่อพิจารณารายชื่อและจะนำเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ในชั้นสุดท้าย  ปกติจะจบในเดือนกรกฎาคม เพื่อให้นายกฯ ในฐานะ รมว.กลาโหม พิจารณาขั้นสุดท้าย ยกเว้นปีที่แล้วที่ไปจบวันที่ 15 สิงหาคม   

แต่การโยกย้ายในปี 2564 นี้ ว่ากันว่า การประชุมยังไม่ได้ข้อยุติ เพราะมีกระบวนการพิจารณาโยกย้ายนายทหารบางส่วน ระหว่างเหล่าทัพ คือ สำนักปลัดกระทรวงกลาโหม และกองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพเรือ และ กองทัพบก

ที่เป็นเช่นนั้นเพราะ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม จะเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายนนี้ ปกติจะหาคนที่เหมาะสมเข้าไปแทนที่

แต่รอบนี้ปรากฏว่า กองทัพบก เหล่าทัพ และ กองทัพไทย เห็นพ้องต้องกันว่า คนที่เหมาะสมคือ พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ เสนาธิการทหารบก  เป็นชื่อที่เสนอโดยไม่มีใครขัดขวางสักคน เพราะเป็นคนฉลาดหลักแหลม เป็นยุทธศาสตร์หลักของเหล่าทัพ 

ในกรณีที่ พล.อ.วรเกียรติ เป็นปลัดกระทรวงกลาโหม ขณะที่ ยังมี พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย รองปลัดกระทรวงกลาโหม ที่มีอาวุโสสูงสุดอยู่หนึ่งคนยังอยู่ อาจจะถูกร้องเรียนได้

ที่ประชุมจึงลงมติว่าต้องเอาผู้อาวุโสสูงสุด ตัวเต็งอันดับ 1 จึงเป็นชื่อของ พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม  เสนาธิการทหาร เหมาะที่จะนั่งปลัดกระทรวงกลาโหม มาเป็นหน่วยปฏิบัติการที่จะมารับไม้ต่อด้านความมั่นคงและยุทธศาสตร์การแก้ปัญหาโควิด-19 รวมทั้งเป็นลูกน้อง พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) อีกด้วย

ต้องลุ้น 15 สิงหาคม 2564 นี้ โผโยกย้ายของเหล่าทัพต่างๆ จะตกผลึก หาสูตรที่ลงตัวได้มากน้อยแค่ไหน เพราะจะมีผลต่อเสถียรภาพรัฐบาลเช่นกัน 

การโยกย้ายครั้งนี้จึงวัดเส้นทางของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างดีที่สุด