ด่วน! "ลุงพล" โผล่มอบตัวคดีน้องชมพู่แล้ว ขณะทนายปัดต่อรองประกัน-ตร.นำสอบ

11.00 น. วันนี้ (2 มิ.ย.) นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความเดินทางมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด้วยรถกระบะสีดำทะเบียนอำนาจเจริญ ก่อนจะเดินทางจากรถโดยมีสื่อมวลชนห้อมล้อมเพื่อสอบถามเกี่ยวกับคดี โดยทนายษิทรา เปิดเผยว่าหลัง นายไชยพล วิภา หรือ ลุงพล ถูกออกหมายจับก็มีความพยายามจะนำลุงพลเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน โดยที่เลือกจะมอบตัวกับ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.เพราะถือว่าเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีถึงแม้เหตุการณ์ก็จะเกิดที่จังหวัดมุกดาหารก็ตาม

ยืนยันว่าไม่มีการเจรจาหรือต่อรองเรื่องการขอประกันตัวตามที่มีกระแสข่าว ลุงพลพยายามจะเข้าพบแต่ตำรวจไม่รับมอบตัว ส่วนรายละเอียดยังไม่สามารถตอบได้ต้องดูรายละเอียดต้อพบพนักงานสอบสวนก่อน พร้อมระบุก่อนมาที่ ตร.ส่วนตัวยังไม่พบกับลุงพล เนื่องจากได้นัดมาเจอลุงพล ที่เดินทางมาจากจังหวัดมุกดาหารให้มาเจอกันที่ ตร.จากนี้จึงต้องมีการพูดคุยกับลุงพลก่อน

ในเวลาต่อมาพบว่า ลุงพลพร้อมด้วยป้าแต๋น ได้เดินเข้าอาคาร1ตร.ทางด้านหลังโดยมีการเข้าพบตำรวจบริเวณชั้น 1 โดยลุงพลสวมเสื้อยืดสีขาว มีผ้าพันคอลายพื้นบ้านสีน้ำเงิน ใส่กางเกงยีนส์ ส่วนป้าแต๋น สวมเสื้อคลุมสีแดง สวมกางเกงยีนส์และสะพานกระเป๋าเป้ โดยเจาหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวเข้าไปพูดคุยภายในห้องโถงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีทนายตั้มเข้าไปสมทบ โดยพ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รองผบก.ปส.เป็นคนอ่านหมายจับให้ลุงพลฟัง โดยมีทนายตั้ม ร่วมฟังด้วย

 

ผบ.ตร. ยืนยัน ลุงพล ยังเป็นผู้ต้องหาคนเดียวในคดีน้องชมพู่

พลตำรวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยัน ตำรวจดำเนินคดีกับ นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล ผู้ต้องหาในคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ ตามพยานหลักฐาน เพียง 1 คน ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดต่อสื่อมวลชนได้ แต่พยานหลักฐานที่มี ยืนยันว่า ตำรวจรวบรวมทั้งจากหลักพฤติกรรมมนุษย์ ประจักษ์พยาน วัตถุพยาน หลักฐานวิทยาศาสตร์ นิติวิทยาศาสตร์ รวมไปถึง ไสยศาสตร์ ความเชื่อต่าง ๆ เพียงพอที่จะขอศาลอนุมัติหมายจับ 3 ข้อหา คือ ข้อหา พรากผู้เยาว์ฯ, ทอดทิ้งเด็ก เป็นเหตุให้เด็กถึงแก่ความตาย และกระทำการใด ๆ แก่ศพที่อาจผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป ส่วนจะมีการแจ้งข้อหาใดเพิ่มเติม หรือ พยานหลักฐานเชื่อมโยงถึงบุคคลใดอีกหรือไม่ ตำรวจจะเดินหน้าสืบสวนสอบสวนต่อเนื่อง

ส่วนการที่นายไชย์พล เข้าแสดงตัวกับตำรวจ ถือเป็นการจับกุม ไม่ใช่การเข้ามอบตัว และการที่นายไชย์พล เดินทางจากจังหวัดมุกดาหาร มาที่กรุงเทพมหานคร ต้องดูพฤติการณ์ และเจตนาว่า เป็นการหนีหมายจับหรือไม่ 

ทั้งนี้ ตามขั้นตอน ได้มีการนำตัวนายไชย์พ ไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน ก่อนจะส่งกลับไปที่สถานีตำรวจภูธรกกตูม เพื่อสอบสวนต่อ โดยตำรวจมีอำนาจควบคุมตัว 48 ชั่วโมง หากยังสอบสวนไม่แล้วเสร็จ ก็จะขออำนาจศาลฝากขังต่อไป ส่วนการพิจารณาให้ประกันตัวหรือไม่ ให้เป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวน

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวด้วยว่า คงไม่จำเป็นที่ต้องไปสอบสวนเอง เพราะมั่นใจในทีมสืบสวน พร้อมเปรียบเทียบว่า ขณะนี้ เข้าสู่รอบสุดท้ายของการแข่งขันฟุตบอลแล้ว ซึ่งตราบใดที่ศาลยังไม่ตัดสิน ก็ยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์ ตำรวจจะทำให้ดีที่สุด แต่คดียังไม่จบ เนื่องจาก ในการพิจารณาคดี ยังมีอีกหลายขั้นตอน โดยในชั้นอัยการ และชั้นศาล อาจมีความเห็นแตกต่างกับตำรวจ

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังมองว่า คดีนี้ เป็นเพียงคดีฆาตกรรมปกติ แต่สิ่งที่ผิดปกติ คือ การไต่สวนในโลกโซเชียล เนื่องจาก ภูมิคุ้มกันในโลกโซเชียลไม่พอ จนเกิดปรากฎการณ์ประหลาดในสังคม และเห็นว่า หากหยุดติดตามคดีบ้าง ก็จะให้สุขภาพจิตดีขึ้น ส่วนจะมีการแถลงรายละเอียดในคดีนี้อีกหรือไม่ ขอหารือร่วมกับพนักงานสอบสวนก่อน หากเห็นว่า ไม่จำเป็น คงจะไม่มีการแถลง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หมายจับ“ลุงพล” เจาะลึกหลักฐานคดีน้องชมพู่