วันที่ 7 ม.ค. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีรายงานข่าวในที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ ยืนยัน มติที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ ไม่ล็อกดาวน์สถานที่ และพื้นที่จังหวัดใดท้งประเทศ
แต่มีมีมติให้ปรับโซนสีโควิดล่าสุด หรือ ประบระดับพื้นที่สี เป็นระดับสีส้ม หรือพื้นที่ควบคุม ทั่วประเทศ 69 จังหวัด
ส่วนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว หรือพื้นที่สีฟ้า 8 จังหวัด อาทิ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี ภูเก็ต แม้สถานการณ์ระบาดจะรุนแรงขึ้น แต่ศบค.ยังอนุญาตให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ถึงเวลา 3 ทุ่ม
ทั้งนี้นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศบค.จะแถลงรายละเอียดอีกครั้ง เมื่อเสร็จสิ้นการประชุม คาดว่าน่าจะแถลงเวลา 12.30 น.
ด้านนางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุทางทวิตเตอร์ว่า ประชุมศบค.วันนี้ ไม่มีการล็อกดาวน์
มีเพียงการกำหนดห้ามบริโภคสุราในร้านทุกจังหวัด ยกเว้นจังหวัดพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว ร้านผ่านมาตรฐาน SHA+ หรือ Thai Stop Covid ที่ให้ขายได้ถึงสามทุ่ม..รายละเอียดอื่น รอประชุมเสร็จค่ะ
เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า วันนี้ (7 ม.ค. 65) เวลา 09.30 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 1/2565 ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference)
เห็นชอบ ปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่ 9 ม.ค. 65 พื้นที่ควบคุม 69 จังหวัด และพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว 8 จังหวัด ขยายระยะเวลา WFH ออกไปถึง 31 ม.ค. 65 สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ให้เปิดในรูปแบบร้านอาหาร โดยต้องได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม. ก่อนวันที่ 15 ม.ค. 65
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ว่า นายกรัฐมนตรี ขอบคุณ ศบค. ที่ได้ร่วมกันทำงานอย่างเต็มกำลัง ทำให้ประเทศไทยผ่านพ้นช่วงเวลาวิกฤตที่เกิดขึ้นในปี 2564 ได้ จนได้รับการยอมรับและยกย่องให้เป็นประเทศที่มีความแข็งแกร่งของระบบสาธารณสุขอันดับ 5 ของโลก
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังไม่ยุติลง ยังพบการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด-19 ปัจจุบันมีการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งทำให้หลายประเทศดำเนินมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น หลายประเทศกลับไปใช้มาตรการ Lock Down อีกครั้ง โดยที่ไทยยังพบการระบาดจากโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจากนักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการเปิดประเทศเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2564 และการจัดงานช่วงเทศกาลปีใหม่ ที่ได้รับความร่วมมือในการปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุข ขอบคุณทุกฝ่ายที่ได้ดำเนินการอย่างเข้มแข็ง
ทั้งนี้ ทุกคนทราบดีว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโอมิครอน มีการแพร่ระบาดที่รวดเร็วขึ้น โดยข้อมูลจาก WHO ระบุว่าสายพันธุ์โอมิครอนติดเชื้อได้เร็ว แต่มีความรุนแรงน้อยกว่า จึงต้องหาแนวทางประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องแก่ประชาชน ให้มีความรู้ความเข้าใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ตื่นตระหนก และให้เกิดการให้ความร่วมมือ
โดยขอให้ ศปก.สธ. และ ศปก.ศบค. เตรียมความพร้อมทางด้านสาธารณสุขของไทย ทั้งเรื่องวัคซีน ยา เวชภัณฑ์ การครองเตียงต่าง ๆ ให้พร้อม ชุดตรวจ ATK ยารักษาที่จำเป็น ที่ต้องมีเพียงพอ รวมทั้งเตรียมโรงพยาบาลสนาม ศูนย์พักคอย HI / CI ในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดมาก เพื่อให้สามารถดูแลช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็ว เร่งรัดแผนการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด ซึ่งในปี 2564 สามารถฉีดวัคซีนไปได้ประมาณ 105 ล้านโดส
ดังนั้น ต้องวางแผนการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เข็ม 3 และเข็ม 4 และการฉีดวัคซีนให้แก่เด็กนักเรียนอายุต่ำกว่า 12 ปีด้วยวัคซีนที่ได้รับการรับรองแล้ว เพื่อจะช่วยลดความรุนแรงของโรคโควิด-19 ได้ ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์อะไรก็ตาม
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการท่องเที่ยวจากต่างประเทศว่า ถ้าดูจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทย ยังคงมีจำนวนไม่มากนัก เพราะประเทศต่าง ๆ ยังคงไม่ให้ประชาชนเดินทางออกนอกประเทศ จึงขอเน้นย้ำให้ประชาชน สถานประกอบการ สถานที่ท่องเที่ยว ยังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันแบบครอบจักรวาล Universal Prevention และ Covid Free Setting
รวมถึงการปฏิบัติงานที่บ้าน Work From Home ซึ่งควรต้องมีการติดตามประเมินผลการปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาระบบติดตามตัว แอปพลิเคชันหมอพร้อม หมอชนะ ให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องต่อไป พร้อมกับนายกรัฐมนตรีย้ำว่าประเทศไทยต้องเดินหน้าต่อไป โดยต้องระมัดระวังอย่างที่สุดเพื่อให้สถานการณ์ดีขึ้น
และนายกรัฐมนตรียังห่วงใยสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยขณะนี้ ย้ำให้ความสำคัญในพื้นที่เสี่ยงต่าง ๆ ทั้งชุมชน ชุมชนแออัด ที่ส่วนท้องถิ่นต้องช่วยกันดูแล โดยขอให้หน่วยงานในพื้นที่ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง ร่วมมือการแก้ปัญหาอย่างเข้มแข็งต่อไป
สำหรับมติที่ประชุม ศบค. ที่สำคัญ มีมติเห็นชอบการปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2565 เป็นต้นไป ดังนี้
เห็นชอบการปรับมาตรการป้องกันโรคสำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักร โดยเห็นชอบ