นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงภายหลังการหารือร่วมกับนายกรัฐมนตรี และทีมเศรษฐกิจรัฐบาล เพื่อออกมาตรการลดค่าครองชีพ และช่วยเหลือราคาน้ำมันแพง ที่ทำเนียบรัฐบาล นานกว่า 1 ชั่วโมงว่า ที่ประชุมเห็นชอบมาตรการช่วยเหลือหลายมาตรการ และจะเสนอให้ครม.เห็นชอบสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ในมาตรการส่วนแรก เป็นการต่อมาตรการลดค่าครองชีพเดิม ที่กำลังจะสิ้นสุดอายุมาตรการ โดยจะดำเนินการถึงสิ้นเดือนกันยายน 2565 เบื้องต้นมีด้วยกันดังนี้
ส่วนมาตรการใหม่ ประกอบด้วย ขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมันคงค่าการตลาดอยู่ที่ 1.4 บาทต่อลิตร รวมทั้งขอความร่วมมือโรงกลั่นน้ำมันในการขอให้นำส่งกำไรส่วนต่างที่เกิดจากการกลั่นน้ำมัน เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม - กันยายน 2565 คาดว่าจะเก็บเงินเข้ากองทุนได้ประมาณเดือนละ 6,000 - 7,000 ล้านบาท แยกเป็น
ขณะเดียวกันกระทรวงพลังงานยังขอความร่วมมือโรงแยกก๊าซที่มีต้นทุน LPG ที่จำหน่ายเป็นวัตถุดิบในภาคปิโตรเคมี ซึ่งมีกำไรส่วนเกิน ซึ่งจะดึงเงินกำไรส่วนเกินออกมา 50% เข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง คาดว่าจะได้เงินเข้ากองทุนอีกเดือนละ 1,500 ล้านบาท
พร้อมทั้งมีมาตรการขอความร่วมมือภาคเอกชนช่วยประหยัดพลังงาน เช่น ปิดไฟป้ายโฆษณา และให้ห้างสรรพสินค้าปิดแอร์ก่อนปิดห้าง 1 ชั่วโมง ซึ่งกระทรวงพลังงานจะจัดทำรายละเอียดเสนอที่ประชุมครม.เห็นชอบต่อไป
นอกจากนี้กระทรวงการคลัง ยังเสนอมาตรการทางด้านภาษีกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงที่เหลือของปี นอกจากการต่อโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 คือ การสนับสนุนให้บริษัทต่าง ๆ หากพาพนักงานเดินทางท่องเที่ยวเมืองหลัก สามารถหักภาษีได้ 1.5 เท่า หากไปเที่ยวเมืองรอง สามารถหักภาษีได้ 2 เท่า รวมถึงการจัดงานในต่างจังหวัดก็นำค่าใช้จ่ายมาหักภาษีได้ด้วย โดยมาตรการนี้จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม – 31 ธันวาคม 2565
ส่วนมาตรการช่วยเหลือลูกจ้างที่เป็นผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม ซึ่งที่ผ่านมามีการลดเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม มาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 นั้น จะไม่ได้ทำต่อเพราะกระทบต่อภาระของกองทุนประกันสังคม และปัจจุบันก็กำลังมีการเจรจาเรื่องค่าแรงขั้นต่ำอยู่ด้วย มาตรการนี้จึงสิ้นสุดอายุ