PFPรับปีนี้ยอดแค่4.5พันล. ตลาดใน-นอกกำลังซื้อแผ่ว/ปี 60 รุกหนักตลาดจีน

18 ต.ค. 2559 | 15:30 น.
พี.เอฟ.พี.กรุ๊ปยอมรับเป้ายอดขาย 5,000 ล้านปีนี้ไปไม่ถึงดวงดาว“ทวี” บอสใหญ่ ชี้เหตุตลาดในประเทศชะลอ สินค้าเกษตรหลักทั้งข้าว มันยาง ราคาตกตํ่า ฉุดกำลังซื้อรากหญ้าแผ่ว ขณะต่างประเทศ หันสั่งซื้อและส่งมอบสินค้าแบบเดือนชนเดือนหลังเศรษฐกิจคู่ค้าชะลอตัวตามเศรษฐกิจโลกถ้วนหน้า ขณะปี 60 คาดหวังตลาดจะฟื้นตัวทั้งในและต่างประเทศ เร่งขยายตลาดจีนช่วยเพิ่มยอด

นายทวี ปิยะพัฒนา ประธานกรรมการ พี.เอฟ.พี.กรุ๊ป ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแปรรูปแช่แข็ง เช่น ปูอัด เต้าหู้ปลา ลูกชิ้นปลา และอื่น ๆ รวมกว่า 950 รายการ ทำตลาดทั้งในและต่างประเทศเปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงยอดขายของกลุ่มในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ว่า ยังอยู่ในภาวะที่ชะลอตัว โดยตลาดในประเทศซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 60% ของยอดขาย เป็นผลจากเกษตรกร และกลุ่มคนรากหญ้าของประเทศได้รับผลกระทบจากภัยแล้งในปีที่ผ่านมา ต่อเนื่องถึงปีนี้ราคาสินค้าเกษตรหลักทั้งข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ราคาตกต่ำ ทำให้มีกำลังซื้อลดลง และระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น ส่วนตลาดต่างประเทศซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 40% ของยอดขายยังอยู่ในภาวะที่ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า กระทบต่อกำลังซื้อเช่นกัน

"ยอดขายของพี.เอฟ.พี.ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 ไม่โต จากตลาดทั้งในและต่างประเทศชะลอตัว ในอีก 3 เดือนที่เหลือของปีนี้ปกติจะเป็นช่วงไฮซีซันยอดขายน่าจะขยับดีขึ้น อย่างไรก็ตามทั้งปีนี้คาดยอดขายของกลุ่มไม่น่าต่ำกว่าปี 2558 ที่มียอดขายประมาณ 4,500 ล้านบาท จากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ในปีนี้ที่ 5,000 ล้านบาท ก็ถือว่าไม่โต แต่ก็ถือว่าน่าพอใจระดับหนึ่งเพราะผู้ประกอบการส่วนใหญ่ปีนี้ยอดขายจะตก แต่เรายังรักษาระดับเอาไว้ได้"

สำหรับในปี 2560 ทางกลุ่มคาดยอดขายตลาดในและต่างประเทศจะฟื้นตัวดีขึ้น ตามภาวะเศรษฐกิจของไทยและของคู่ค้าที่คาดจะฟื้นตัวดีขึ้น โดยมองว่าในปี 2559 ได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ดังนั้นในเบื้องต้นจึงตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 5,000 ล้านบาท และการใช้กำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้นจากในปี 2559 ที่ใช้กำลังผลิตสินค้าสำเร็จรูปใน 2 โรงงาน (ที่ จ.สงขลา) ประมาณ 2,500 ตันต่อเดือน นอกจากนี้ยังได้มีการนำเครื่องจักรเข้ามาเสริมในไลน์การทำงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน และลดการใช้แรงงานคน ส่วนตลาดต่างประเทศ มีแผนเจาะตลาดเพิ่มโดยเพิ่มตัวแทนจำหน่ายในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง เช่นสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(ยูเออี) ซาอุดิอาระเบีย อิหร่าน และจอร์แดน เป็นต้น

ด้านนายธวัชชัย รัตนะพิสิฐ กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทพี.เอฟ.พี.ฯกล่าวว่า การส่งออกของกลุ่ม ณ ปัจจุบันได้ส่งออกสินค้าไปใน 25 ประเทศทั่วโลก มีตลาดหลักที่อาเซียนเกือบทุกประเทศ รองไปเป็นตลาดยุโรป สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จีน ญี่ปุ่น คาดหวังใน 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ยอดส่งออกจะกระเตื้องดีขึ้นจากลูกค้าสั่งนำเข้าเพื่อนำไปจำหน่ายในช่วงเทศกาลปลายปี ทั้งคริสต์มาสและปีใหม่ แต่ทั้งนี้ยังต้องลุ้น เพราะคำสั่งซื้อจากต่างประเทศในเวลานี้เป็นแบบเดือนชนเดือน คือสั่งแล้วให้ส่งมอบภายใน 1 เดือน โดยไม่นำไปสต๊อกมาก ต่างจากในอดีตที่สั่งซื้อล่วงล่วงหน้า 3 เดือน

"ยอดขายปีนี้ทางกลุ่มตั้งไว้ที่ 5,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 15% แต่ดูแล้วคงได้ใกล้เคียงกับปีที่แล้วที่ 4,500 ล้านบาท ซึ่งก็ถือว่าน่าพอในระดับหนึ่งในภาวะที่กำลังซื้อทั้งในและต่างประเทศในภาพรวมแผ่วลงตามภาวะเศรษฐกิจ แต่หากเจาะลึกไปในหลายตลาดส่งออกก็ยังขยายตัวเช่นจีน ดังนั้นในปีหน้าเราจะมุ่งเจาะตลาดเมืองข้างใน หรือในหัวเมืองใหญ่ของจีนให้มากขึ้นเช่น เฉิงตู จากก่อนหน้านี้เจาะอยู่เฉพาะในมณฑลกวางตุ้ง โดยจะพิจารณาตั้งตัวแทนจำหน่ายในแต่ละประเทศให้มากขึ้นกว่า 1 ราย พิจารณาตามความเหมาะสมของขนาดผู้บริโภค และกำลังซื้อ"

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,201 วันที่ 16 - 19 ตุลาคม พ.ศ. 2559