‘ผ่อนสบาย’ลุยเครื่องใช้ไฟฟ้า เธียรสุรัตน์ชูทัพสินค้าราคาถูก เล็งผุดลีสซิ่งปีหน้า
เธียรสุรัตน์ รุกตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าเงินผ่อน จับตลาดฐานลูกค้า 70% ที่ไม่มีบัตรเครดิต หวังชิงแชร์ตลาด 5 หมื่นล้านบาท ส่งแบรนด์ผ่อนสบายบุกตลาดขายตรงถึงผู้บริโภค ชูความได้เปรียบด้านราคาสินค้าถูกกว่าคู่แข่ง เตรียมเปิดให้บริการธุรกิจลีสซิ่งต้นปีหน้า เล็งเปิดรับจำนำทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ ขณะที่ผลประกอบการ 9 เดือนยังเติบโตต่อเนื่อง
นายเอกรัตน์ แจ้งอยู่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เธียรสุรัตน์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องกรองน้ำแบรนด์เซฟ และทำธุรกิจตลาดแบบตรง เปิดเผยถึงแผนธุรกิจในปี 2560 ว่า จะรุกตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า ในกลุ่มตู้เย็น เครื่องซักผ้า โทรทัศน์ เครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องปรับอากาศ และปั๊มน้ำ หลังจากก่อนหน้าได้นำสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ต่างๆ อาทิ ซัมซุง แอลจี โตชิบา และฮิตาชิ รวมถึงแบรนด์ที่บริษัทผลิตเอง ได้แก่ เซฟ อิเลคทริกส์ และเซฟ มาจัดจำหน่ายในระบบเงินผ่อน เนื่องจากมองเห็นว่าตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้ามีขนาดใหญ่ และสามารถสร้างรายได้เพิ่มได้
"ตลาดประเทศไทยกลุ่มคนที่ไม่มีบัตรเครดิตมีจำนวนเยอะมากกว่า 70% ของประชากร ไม่นับรวมกับผู้ที่ถือบัตรเครดิตแล้ววงเงินเต็ม คาดว่ามูลค่าตลาดสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้ง 6 รายการ มีมูลค่ารวมกว่า ตลาดรวม 8 หมื่นล้านบาท หากนับรวมเฉพาะที่คอนซูเมอร์ซื้อใช้โดยตรงน่าจะมีมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งคนที่ซื้อส่วนใหญ่เป็นคนที่สามารถผ่อนชำระด้วยบัตรเครดิตหรือมีเงินสดซื้อ จะมีจำนวน 30% ของประชากร ตลาดจึงมีขนาดใหญ่ที่เป็นโอกาสทางการตลาด"
ล่าสุด บริษัทได้เปิดตัวทดลองทำตลาดแบรนด์ผ่อนสบาย (PONSABUY) ซึ่งสามารถซื้อสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าได้โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต ที่ได้เริ่มทดลองทำตลาด 3 อาทิตย์ผ่านช่องทาเฟซบุ๊ก ช่วงแรกมีคนติดต่อผ่านเฟซบุ๊กเข้ามาวันละ 20-40 ราย ปัจจุบันมีมากถึงวันละ 200 ราย จากจำนวนผู้ติดตามกว่า 5,000 ราย ถือว่าค่อนข้างเร็ว และเป็นการลงทุนน้อยมาก แต่สามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นมากเป็นเท่าตัว จากเดือนละ 18-20 ชิ้น เป็นประมาณ50 ชิ้น ซึ่งบริษัทได้ตั้งทีมเทเลเซลออนไลน์ขึ้นมาใหม่ เพื่อนำเสนอขายสินค้ากับกลุ่มคนดังกล่าว อนาคตจะมีการลงทุนในการทำตลาดออนไลน์เพิ่มมากขึ้น
นายเอกรัตน์ กล่าวอีกว่า ได้วางแผนทำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลก่อนในระยะแรก และหลังจากนั้นจะขยายตลาดออกไปในต่างจังหวัด ซึ่งการขายสินค้าผ่านช่องทางตลาดแบบตรงผ่านระบบเทเลเซล ไดเร็กต์เซล และมอเตอร์ไซค์ทีม โดยปีหน้าจะเริ่มทำกิจกรรมการตลาด การโฆษณาและประชาสัมพันธ์ผ่านป้ายโฆษณา โบรชัวร์ โซเชียลมีเดีย การเข้าไปทำตลาดในกลุ่มโรงงาน การพัฒนาตัวแทนจำหน่ายเครื่องกรองน้ำ และเครื่องปรับอากาศที่มีอยู่ปัจจุบัน เพื่อเปลี่ยนให้มาเป็นตัวแทนอย่างเต็มรูปแบบ การจัดทำโปรแกรมเมมเบอร์ชิพ กับฐานลูกค้าที่มีอยู่เกือบ 5 แสนราย
"การขายเครื่องใช้ไฟฟ้าเงินผ่อนถือเป็นโปรเจ็กต์ใหญ่ปีหน้า ซึ่งจากทดลองทำตลาดเดือนแรกปีนี้เทียบกับปีที่ผ่านมาถือว่าเติบโตเกินเท่าตัว โดยบริษัทไม่ได้เพิ่มงบประมาณการลงทุนอะไร นอกจากทีมเทเลเซล 10 คนเท่านั้น แต่ถือว่ายอดขายเติบโตได้อย่างดี ปัจจุบันสัดส่วนยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้า มีประมาณ 9% ยังสามารถเติบโตได้อีกมาก การคาดหวังส่วนแบ่งตลาด 5-7% เป็นสิ่งที่ทำได้ แต่ขึ้นอยู่กับเวลาและการลงทุนที่ทำเท่านั้น เพราะมีตลาดมีรองรับอยู่แล้ว แต่ จะต้องทำราคาเพื่อให้แข่งขันกับโมเดิร์นเทรดได้ แต่หากเป็นระบบเงินผ่อนที่ขายตรงถึงผู้บริโภคที่มีอยู่ในปัจจุบัน บริษัทสามารถทำราคาได้ถูกกว่าและเป็นจุดแข่งขันได้ในตลาด"
สำหรับช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า จะผ่านระบบคอลล์เซ็นเตอร์ ผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งบริษัทยังวางแผนการทำตลาดเชิงรุก ด้วยการใช้ระบบเทเลเซล มอเตอร์ไซค์ทีม ปัจจุบันสัดส่วนยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้า แบ่งเป็นช่องทางเทเลเซล สัดส่วน 77% ช่องทางไดเร็กต์เซลสัดส่วน 15% และช่องทางอื่นๆ อีก 8%
ในปีหน้ายังวางแผนขยายสาขาเพิ่มขึ้นอีก 6 แห่ง เป็นการสร้างเครือข่ายให้ถึงกลุ่มคนทั้งประเทศ จากปัจจุบันมี 19 แห่ง นอกจากนี้ ในปีหน้าจะเปิดให้บริการธุรกิจเช่าซื้อหรือลีสซิ่ง เพื่อรองรับการให้บริการด้านสินเชื่อในการซื้อสินค้าเงินผ่อน ซึ่งขณะนี้ได้วางแผนไว้เรียบร้อยแล้ว โดยนอกจากการให้เช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า บริษัทยังอยู่ระหว่างการพิจารณารับจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ด้วย
ด้านนายวิรัช วงศ์นิรันดร์ กรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า ผลการดำเนินงานรอบ 9 เดือนแรกปีนี้ บริษัทมีรายได้จากการขาย 1,223 ล้านบาท เติบโต 17.6% และมีรายได้รวม 1.387 ล้านบาท เติบโต 19.4% และมีกำไรสุทธิ 67 ล้านบาท เติบโตลดลง 32.9% ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ที่ผ่านมามียอดขาย 415 ล้านบาท เติบโต 2.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้รวม 477 ล้านบาท เติบโต 3.6% ขณะที่กำไรสุทธิมีมูลค่า 24 ล้านบาท เติบโต 109%
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,214 วันที่ 1 - 3 ธันวาคม 2559