ซีโบผนึกอาลีบาบาฯรุกตลาดทีวี ชู‘หยุนโอเอส’ปั้นแบรนด์‘พริสม่า’
ชี้แนวโน้มสมาร์ททีวีขาขึ้น “ซีโบ”เบนเข็มผนึกอาลีบาบา กรุ๊ป เปิดเกมพัฒนาแบรนด์ “พริสม่า” รุกตลาด เปิดตัวระบบปฏิบัติการ “หยุนโอเอส ทีวี”เชื่อมสมาร์ทโฟนได้ทุกระบบ นอกประเทศจีนครั้งแรกในโลก พร้อมวางเป้าส่วนแบ่งการตลาดรวมไว้ที่ 30% ใน 5 ปีรั้งเบอร์3 เมืองไทย
นายสิทธิกร จิตปรีดากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีโบ จำกัด ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าในกลุ่มทีวี ภายใต้แบรนด์ "พริสม่า" เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า จากการเติบโตของตลาดทีวีเมืองไทยโดยเฉพาะในกลุ่มสมาร์ททีวีที่มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดการณ์ว่าในช่วง 5 ปีนับจากนี้สัดส่วนสมาร์ททีวีในเมืองไทยจะเพิ่มเป็น 50% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 20% โดยปัจจัยหลักที่ผลักดันให้ตลาดสมาร์ททีวีเติบโตเป็นผลมาจากถ่ายเทคโนโลยีการแพร่สัญญาณรับชมภาพจากอนาล็อกมาเป็นระบบดิจิทัล รวมถึงการเปลี่ยนจากทีวีจอแก้ว หรือซีอาร์ที มาเป็นทีวีแอลอีดีมากขึ้น ดังนั้นเพื่อเป็นการรองรับการเติบโตและสร้างทางเลือกที่หลากหลายให้แก่ผู้บริโภคในการรับชมทีวีมากยิ่งขึ้นบริษัทจึงมีนโยบายในการพัฒนาแบรนด์ของตัวเองเพิ่มมากขึ้น จากจากเดิมที่เป็นผู้รับจ้างผลิตทีวีให้กับแบรนด์ชั้นนำต่างๆ เป็นหลัก
ล่าสุดได้ร่วมมือกับ "อาลีบาบา กรุ๊ป" เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสมาร์ท ทีวี ภายใต้แบรนด์ "พริสม่า" ภายใต้ความเชี่ยวชาญด้านการผลิตทีวีของบริษัท และระบบปฏิบัติการ "หยุนโอเอส ทีวี" โดยได้พัฒนาระบบจากเวอร์ชั่นภาษาจีนมาเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อรองรับกับการใช้งานในต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศไทยซึ่งนับว่าเป็นการทำตลาดครั้งแรกนอกประเทศจีน โดยเบื้องต้นจะเปิดตัวระบบปฏิบัติการดังกล่าวกับจอภาพ 3 ขนาด ได้แก่ 32, 40 และ 50 นิ้ว เนื่องจากเป็นขนาดที่ตลาดต้องการ รวมถึงเปิดตัวสินค้าในกลุ่มเคิร์ฟ ทีวี หรือทีวีจอโค้ง ระบบ 4K และจะเน้นขายผ่านช่องทางเชนร้านจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำทั่วไป รวมถึงตัวแทนจำหน่าย ขณะที่ราคาจำหน่ายจะถูกกว่าจากเกาหลีใต้ประมาณ 20% หรือเริ่มต้นที่ 7,900 บาทสำหรับขนาด 32 นิ้ว จนถึง 1.49 หมื่นบาทสำหรับขนาด 50 นิ้ว พร้อมกันนี้จะทยอยเปิดตัวรุ่นใหม่ๆ ต่อเนื่อง อาทิ 55 และ 65 นิ้ว ทั้งในระบบฟูลเอชดี และ 4K
ขณะที่ในส่วนของกลยุทธ์ทางการตลาดที่จะนำมาพัฒนาแบรดน์ให้เป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้นนั้น จะเน้นไปที่การใช้ความโดดเด่นของระบบปฏิบัติการหยุนโอเอส ทีวี ที่เป็นระบบเปิดสามารถใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนได้ทุกระบบทั้งแอนดรอยด์และไอโอเอส รวมถึงระบบคลาวด์ เซอร์วิส ที่สามารถเข้าถึงแอพพลิเคชั่น ผ่านหน้าเว็บซึ่งให้ผลดีกว่าการดวาน์โหลดมาไว้บนเครื่อง โดยได้เตรียมงบการตลาดปีแรก 100 ล้านบาท จัดกิจกรรมส่งสริมการขายทั้งในรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ควบคู่กับการขยายตัวแทนจำหน่ายให้ครอบคลุมทั่วประเทศภายในปีหน้า จากปัจจุบันที่ครอบคลุมแล้ว 70%
นอกจากนี้ส่วนของภาคการผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์พริสม่า จะถูกผลิตจากโรงงานในประเทศไทย ที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมแหลงฉบัง จ.ชลบุรี ภายใต้กำลังการผลิตในปีหน้า ทั้งโออีเอ็มหรือรับจ้างผลิตและผลิตภายใต้แบรนด์พริสม่า รวมกัน 1.5 ล้านเครื่อง เทียบกับปีนี้ที่ผลิตเพียง 1 ล้านเครื่อง ขณะเดียวกันยังเตรียมแผนร่วมมือกับพาร์ทเนอร์จากประเทศจีน สร้างระบบผลิตโครงพลาสติกของทีวีที่โรงงานดังกล่าว ภายใต้งบการลงทุน 100 ล้านบาท เพื่อรองรับกับการขยายตัวของการผลิตทีวีในอนาคตทั้งตลาดภายในประเทศและนอกประเทศ หลังจากที่ลงทุนในส่วนของระบบประกอบจอทีวีอัตโนมัติกว่า 1,000 ล้านบาทในช่วงปีที่ผ่าน
พร้อมกันนี้ยังมีแผนขยายตลาดไปยังต่างประเทศในแถบภูมิภาคอาเซียนในช่วง 3 ปีจากนี้ โดยเน้นไปที่กลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี ทั้ง กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ภายใต้รูปแบบการหาพันธมิตรหรือตัวแทนจำหน่ายท้องถิ่น เพื่อทำหน้าที่กระจายสินค้าไปยังช่องทางต่างๆ หลังจากที่ทำตลาดในประเทศลาวมาก่อนหน้านี้ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี อย่างไรก็ตามบริษัทวางเป้าหมายภาพรวมรายได้จากทีวีแบรนด์พริสม่า ในปีแรกไว้ที่หลักหมื่นเครื่อง และยังตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดรวมไว้ที่ 30% ใน 5 ปี หรืออันดับ3-4 ของตลาดสมาทร์ทีวี ขณะที่รายได้ในปีนี้คาดว่าจะทำได้ 1,000 ล้านบาท ซึ่งมาจากกลุ่มธุรกิจรับจ้างผลิต และปีหน้าจะเพิ่มเป็น 1,500 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนรายได้มาจากทีวีแบรนด์พริสม่า 50% อย่างไรก็ตาม หลังจากบุกตลาดคอนซูเมอร์มากขึ้น จะทำให้สัดส่วนรายได้ในช่วง 3 ปีจากนี้ ของกลุ่มรับจ้างผลิตอยู่ที่ 50% จาก 60-70% ในปัจจุบัน และอีก 50% เป็นรายได้จากกลุ่มทีวีแบรนด์พริสม่า
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,217 วันที่ 11 - 14 ธันวาคม 2559