ชิงเค้กน้ำมันพืช 1.4 หมื่นล้าน
น้ำมันพืช แห่งชิงเค้กตลาด 1.4 หมื่นล้าน แบรนด์กุ๊ก ทำกิจกรรมครบวงจรรักษายอดและสร้างการเติบโต 2 ดิจิต ด้านองุ่น เดินหน้ารักษาผู้นำตลาดหลังครองส่วนแบ่ง 57% ใช้กลยุทธ์วินทีม พัฒนาบุคลากรภายในเสริมแก่งให้องค์กร ทุบสถิติยอดขายสูงสุดในรอบ 50 ปี
ปริมาณปาล์มที่ออกมาน้อย ส่งผลบวกต่อตลาดน้ำมันถั่วเหลือง ที่ทำให้สินค้ามีราคาใกล้เคียงกัน ผู้บริโภคจึงหันมาซื้อน้ำมันถั่วเหลืองมากขึ้น แบรนด์น้ำมันถั่วเหลืองจึงรุกการทำตลาด เพื่อสร้างยอดขายในการช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดน้ำมันพืช ที่มีมูลค่า 1.4 หมื่นล้านบาท
นางโกสุม สินเพิ่มสุขสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ล็อกซเล่ย์เทรดดิ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ในเครือบริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงทิศทางการแข่งขันของตลาดน้ำมันพืชว่า ปัจจุบันตลาดน้ำมันพืช มักใช้กลยุทธ์ด้านราคาเป็นหลักในการทำตลาด
นอกจากนี้ ได้เริ่มมีการแตกไลน์น้ำมันพืช เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า ซึ่งสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าได้ รวมถึงการเพิ่มไลน์สินค้าน้ำมันพืชพรีเมี่ยม เช่น น้ำมันคาโนลา เข้ามาทำตลาดด้วย
สำหรับน้ำมันพืชกุ๊กที่บริษัทเป็นผู้จัดจำหน่าย มีการใช้กลยุทธ์ในการสร้างยอดขายด้วยวิธีการที่หลากหลายรูปแบบ อาทิเช่น การกำหนดกลยุทธ์ด้านราคา ให้เหมาะสมและแข่งขันได้ การจัดโปรโมชั่น ร่วมกับร้านค้า การจัดอีเวนต์ และกิจกรรมการตลาดผ่านทางร้านค้า เพื่อรักษาฐานการขายให้มั่นคง
"ปีที่ผ่านมาตลาดน้ำมันพืชในประเทศไทยมีมูลค่า 1.4 หมื่นล้านบาท แบรนด์กุ๊กมีส่วนแบ่งการตลาด 2 ดิจิต และเติบโตจากปี 2558 ในอัตรา 2 ดิจิต จากการทำกิจกรรมการตลาดเต็มที่ ส่วนเป้าหมายในปีนี้คาดว่าจะขยายการเติบโตในทุกกลุ่มน้ำมันพืช ทั้งน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันทานตะวัน และน้ำมันคาโนลาในทุกช่องทาง ไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมาด้วย"
ด้านนายวิสุทธิ วิทยฐานกรณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท น้ำมันพืชไทย จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ยน้ำมันถั่วเหลืองแบรนด์องุ่น กล่าวว่า แบรนด์องุ่นมีส่วนแบ่งตลาด 57% จากตลาดน้ำมันพืชรวมทั้งอุตสาหกรรมกว่า 2.28 หมื่นล้านบาท คาดว่าในปีนี้ตลาดจะเติบโต 4% หรือม่มูลค่ากว่า 2.37 หมื่นล้านบาท ซึ่งปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้ในกว่า 2.59 หมื่นล้านบาท ถือว่าสูงสุดในรอบ 50 ปี โดยเป็นผลจากการปรับระบบการบริหารงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ด้วยการใช้กลยุทธ์ win team ในการพัฒนาบุคลกรระดับผู้จัดการที่มีอยู่ประมาณ 40 คนให้ขับเคลื่อนองค์กรและสร้างการเติบโต
"การพัฒนาบุคลากรด้วยระบบวินทีม จะมีหัวใจสำคัญ 7 ประการ อาทิ มีวิสัยทัศน์ที่ดี มีความเป็นผู้นำ การมีผลงานร่วมกัน การให้ความสำคัญกับผลงานร่วมมากกว่าผลงานของแผนหรือบุคคล เป็นต้น ซึ่งหลังจากได้ใช้ระบบดังกล่าวมาใช้ในการบริหารงาน พบว่าสามารถสร้างยอดขายให้บริษัทได้สูงสุดในรอบ 50 ปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งการทำตลาดและสร้างแบรนด์ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อก้าวสู่ความเป็นผุ้นำตลาดน้ำมันและกากถั่วเหลืองในประเทศ"
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,252 วันที่ 13 - 15 เมษายน พ.ศ. 2560