“คาร์เมน- Carmen”(23กันยายน)เรื่องราวของหญิงสาวผู้ยอมตายดีกว่าที่จะมีชีวิตอยู่อย่างขาดอิสรภาพ หรือถูกตราหน้าว่าเป็นคนโกหกในสไตล์ศิลปะการเต้นฟลาเมงโก โดยอันโตเนียวอันดราเดได้ปรับธีมอันคลาสสิกของ Carmen ให้เป็นการแสดงด้วยจิตวิญญาณใหม่ของฟลาเมงโก “Carmen Flamencaของผม ได้ขจัดรูปแบบของอุปรากรออกไปจนหมด แล้วใส่รากเหง้าของฟลาเมงโกเข้าไปในส่วนของดนตรีและการเต้น”
วงซิมโฟนีแห่งชาติของลิทัวเนียหรือLNSO (24 กันยายน)ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ.1940 นับเป็นวงออร์เคสตราชั้นนำและมีชื่อเสียงที่สุดของประเทศ ปัจจุบัน โมเดสตาสพิเทรนาส (ModestasPitrenas) เป็นทั้งผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์และวาทยกรหลัก LNSO เดินสายแสดงในหลายประเทศทั่วยุโรปญี่ปุ่น และแอฟริกาใต้ สำหรับการแสดงในครั้งนี้ LNSO จะบรรเลงบทเพลง Hungarian Rhapsody No 2 in C sharp minor ของฟรานซ์ลิซต์ ตามด้วย Peer Gynt suite (compiled from two suites) ของเอ็ดวาร์ดเกร็ก และปิดท้ายด้วย Symphony No 4 in E minor, Op. 98ของโยฮันส์บราห์มส์
WOW! World of Wonder(28-29 กันยายน)การแสดงจากปีเตอร์มาร์วีย์(Peter Marvey)นักมายากลชื่อดังจัดว่ามีความยิ่งใหญ่เทียบเท่านักมายากลระดับตำนานอย่างเดวิด คอปเปอร์ฟิลด์ และซิกฟรีดแอนด์ รอยเตรียมสัมผัสความตื่นเต้น ประหลาดใจไปกับการสร้างภาพลวงตาขนาดใหญ่ที่คิดค้นเองและไม่เคยเปิดแสดงซ้ำของ ปีเตอร์มาร์วีย์ ผู้ชนะเลิศรางวัลเมอร์ลินจากสมาคมนักมายากลนานาชาติถึงสองครั้ง รวมทั้งยังได้รับรางวัล “Golden Magic Wand” จากพระหัตถ์ของเจ้าชายอัลเบิร์-ตแห่งโมนาโกในสาขาการแสดงมายากลยอดเยี่ยมจากงาน Grand Prix of Monaco 1996 อีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีบัลเลต์สองสไตล์ ได้แก่ บัลเลต์ร่วมสมัย “Beauty and the Beast”(2 ตุลาคม)โดย“มาลองแดน บัลเลต์ เบียร์ริตซ์”คณะนักเต้นที่สำคัญที่สุดคณะหนึ่งของฝรั่งเศส กับการตีความ Beauty and the Beast ที่ต่างไปจากเทพนิยายคลาสสิก และบัลเลต์คลาสสิก เรื่อง“Taming of the Shrew”(18-19 ตุลาคม)โดย“ชตุทท์การ์ทบัลเลต์”หนึ่งในคณะบัลเลต์ที่ดีที่สุดของวงการบัลเลต์โลก จะปิดม่านมหกรรมศิลปะการแสดงและดนตรีนานาชาติ ครั้งที่ 19 กรุงเทพฯ อย่างงดงามด้วยบัลเลต์แนวคอมเมอดีที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเรื่องหนึ่งของศตวรรษที่ 20