ธนูลักษณ์ ขานรับนโยบายเครือสหพัฒน์ เดินหน้าธุรกิจสู่ยุค 4.0 ชูนโยบายขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม-อี-คอมเมิร์ซ ขน 3 แบรนด์หลักขายผ่านลาซาด้า พร้อมเร่งเจรจาแบรนด์ไลเซ่นเพิ่มสัญญาขายผ่านออนไลน์ คาด 5 ปีเพิ่มสัดส่วนยอดขาย 10%
การลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) ระหว่างเครือสหพัฒน์ ยักษ์ใหญ่ในผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค กับ ลาซาด้า เว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ขนาดใหญ่ ในเครืออารีบาบา ยักษ์ใหญ่ในธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ในงานสหกรุ๊ปแฟร์ครั้งที่ 21 ที่ผ่านมา พร้อมการประกาศของเสี่ยบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ ที่วางเป้าหมายภายในระยะ 3 ปี จะมีรายได้จากช่องทางอี-คอมเมิร์ซไม่ตํ่ากว่า 10% หรือมูลค่าไม่ตํ่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนไม่ถึง 1% เท่านั้น
โรดแมปการไปสู่เป้าหมายดังกล่าว ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ความร่วมมือกับทางลาซาด้าเท่านั้น แต่เสี่ยบุณยสิทธิ์ มีวิสัยทัศน์ที่ไปไกลกว่านั้น นั่นคือการมองภาพเป็นระบบซัพพลายเชน จากต้นนํ้าหรือการเป็นผู้ผลิตตั้งแต่วัตถุดิบที่เชื่อมต่อกันเป็นห่วงโซ่ไปจนถึงปลายนํ้าหรือการจัดจำหน่ายสินค้า ที่ก็ไม่ใช่เพียงแค่ช่องทางออนไลน์หรือช่องทางโมเดิร์นเทรดเท่านั้น แต่หมายถึงการบริการจัดส่งสินค้าไปจนถึงมือผู้บริโภคปลายทาง ระบบโลจิสติกส์จึงกลายมาเป็นหัวใจที่เครือสหพัฒน์ให้ความสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง จึงได้ลงทุน 1,800 ล้านบาท พัฒนาโครงการไทเกอร์ สุวรรณภูมิ ดีซี คลังสินค้าขนาดใหญ่บนเนื้อที่ 47 ไร่ มีพื้นที่อาคาร 6.5 หมื่นตารางเมตร ที่ได้ร่วมมือกับเพาแทค คอร์ปอเรชั่น (Paltac Corporation) ยักษ์ใหญ่ด้านธุรกิจคลังสินค้า ธุรกิจกระจายสินค้าและโลจิสติกส์จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นการต่อจิ๊กซอว์แต่ละชิ้นให้เกิดความสมบูรณ์ของภาพธุรกิจเครือสหพัฒน์ที่รองรับกับโลกยุค 4.0
ธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่น หนึ่งในธุรกิจหลักของเครือสหพัฒน์ ก็มีการขับเคลื่อนธุรกิจสอดรับไปกับวิสัยทัศน์ของประธานเครือสหพัฒน์ โดยมีการปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อรองรับกับการเข้าสู่ยุค 4.0 เช่นกัน ซึ่งกระบวนการขับเคลื่อนธุรกิจ เริ่มตั้งแต่ต้นนํ้าซึ่งเป็นโรงงานผลิตวัตถุดิบ ไปสู่โรงงานผลิตสินค้า จนถึงปลายทางซึ่งเป็นช่องทางการจัดจำหน่าย ที่วันนี้เป็นการขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม และการตลาดออนไลน์ รองรับกับพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนและสื่อออนไลน์ของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน
กลุ่มบริษัทธนูลักษณ์ ที่ถือว่าเป็นกลุ่มธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่น ที่มีระยะเวลาการดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 40 ปี ปัจจุบันได้เข้าสู่ทศวรรษที่ 5 การขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรม (พ.ศ.2559-2568) ซึ่งได้ปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจครั้งสำคัญ ซึ่งปรับทั้งระบบซัพพลายเชน ตั้งแต่การผลิตวัตถุดิบจนถึงการจัดจำหน่ายสินค้าถึงมือผู้บริโภค เพื่อเป้าหมายการเติบโตที่ยั่งยืน และสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน
โดยนายสุพจน์ ภควรวุฒิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนูลักษณ์ จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้าแฟชั่นและเครื่องหนัง เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก เพราะมีความ รู้เพิ่มมากขึ้น มีการใช้สมาร์ทโฟนในชีวิตประจำวัน เพื่อเข้าถึงข้อมูล การซื้อสินค้า และเพื่อความบันเทิงต่างๆ ส่งผลให้ความต้องการสินค้าที่มีความแตกต่าง นอกเหนือจากสินค้าเบสิกทั่วไป ทำให้บริษัทต้องพัฒนาสินค้าที่มีความแตกต่างและตรงตามความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งสิ่งที่จะสร้างสินค้าให้เกิดความแตกต่าง จะเป็นเรื่องการนำนวัตกรรมมาใช้ในการพัฒนาสินค้า
[caption id="attachment_183539" align="aligncenter" width="503"]
สุพจน์ ภควรวุฒิ[/caption]
บริษัทได้นำนวัตกรรมการพัฒนาสินค้ามาใช้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่อดีต เช่น เสื้อเชิ้ตริงเกิลฟรี หรือเสื้อที่ยับยาก รีดง่าย ภายใต้แบรนด์แอร์โรว์ (Arrow) ที่ปัจจุบันถูกพัฒนามาสู่นวัตกรรมนอนไอรอน หรือเสื้อที่ไม่ต้องรีด ขณะเดียวกันทุกปีจะมีการออกสินค้านวัตกรรม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
บริษัท เอราวัณสิ่งทอ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือได้จับมือกับ บริษัท เพอร์มา คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้คิดค้นนวัตกรรมเส้นใยที่ผสมผสาน “นาโนซิงก์” ซึ่งเป็นนวัตกรรมล่าสุดในวงการสิ่งทอ มีประสิทธิภาพในการกำจัดและยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย โดยจะนำมาผลิตเสื้อเชิ้ตแบรนด์แอร์โรว์ ก่อนจะขยายไปสู่แบรนด์ต่างๆ ต่อไป
นอกจากนี้ ยังมีนวัตกรรมการผลิตเสื้อเชิ้ตผ้ายืดหยุ่น เนื้อผ้าที่มีคุณสมบัติยับยั้งแบคทีเรีย แบรนด์กี ลาโรช เอ็กซ์ตร้า บาลานซ์ นวัตกรรมของชุดชั้นในชายที่ใช้เทคนิคการสร้างแพตเทิร์นพิเศษรูปตัว X สร้างความสมดุล กระชับแต่สบาย เนื้อผ้าคอตตอน ไลครา ระบายอากาศดี เบา และมีความยืดหยุ่นสูง เป็นต้น
นอกจากนี้เครือสหพัฒน์ยังให้ความสำคัญกับการจัดจำหน่ายสินค้า เพื่อรองรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุค 4.0 จึงได้ลงทุนด้านคลังสินค้าและระบบโลจิสติกส์ รวมถึงความร่วมมือในการนำสินค้าเข้าไปจัดจำหน่ายผ่านเว็บไซต์ลาซาด้า
โดยบริษัทได้นำสินค้า 3 แบรนด์ ได้แก่ แอร์โรว์ , แด็กซ์ และกี ลาโรช เข้าไปจัดจำหน่ายผ่านเว็บไซต์ลาซาด้าและบริษัท เซเลเบรท เว็ลธ จำกัด บริษัทในเครือที่จัดจำหน่ายแบรนด์เอราวอน ก็นำสินค้าเข้าไปจำหน่ายแล้วเช่นกัน
จากก่อนหน้าที่ได้จัดจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์เอง ทั้งเฟซบุ๊ก ไลน์ และเว็บไซต์ ซึ่งปีหน้าจะเริ่มทยอยนำแบรนด์อื่นๆ เข้าไปจำหน่ายเพิ่มเติม รวมถึงแบรนด์ใหม่ทั้งที่เป็นแบรนด์ไลเซนส์และแบรนด์ที่บริษัทเป็นผู้พัฒนาก็จะนำเข้าไปจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ด้วยเช่นกัน
“ขณะนี้หลายแบรนด์อยู่ระหว่างเจรจา เพื่อขอเพิ่มสัญญาในการจำหน่ายผ่านอี-คอมเมิร์ซ เนื่องจากอี-คอมเมิร์ซในเมืองไทยกำลังเป็นโอกาสที่จะเติบโต จากรัฐบาลให้ความสำคัญมีนโยบายต่างๆ ออกมาเพื่อผลักดันใน?เรื่องนี้ แม้ว่าปัจจุบันคนไทยจะใช้สมาร์ทโฟนในเชิงพาณิชย์ยังมีอัตราที่ตํ่ามากเมื่อเทียบกับหลายประเทศในภูมิภาค แต่คนไทยใช้มือถือมากอันดับต้นของโลก”
ล่าสุดบริษัทได้จัดตั้งฝ่ายขายและการตลาด เพื่อขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ โดยมีทีมงานประมาณ 12 คนมาดูแล ถือเป็นครั้งแรกที่มีหน่วยธุรกิจนี้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปัจจุบันบริษัทจะมีสัดส่วนยอดขายจากช่องทางออนไลน์ไม่ถึง 1% ของยอดขายรวมปีละกว่า 2,000 ล้านบาท บริษัทคาดหวังว่าภายใน 5 ปีสัดส่วนยอดขายช่องทางอี-คอมเมิร์ซของแต่ละแบรนด์จะมีสัดส่วน 10%
นายสุพจน์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า นโยบายของเสี่ยบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ต้องการให้สร้างซัพพลายเชนในกลุ่มธุรกิจสิ่งทอหรือแฟชั่นเสื้อผ้า ตั้งแต่ต้นนํ้าจนถึงปลายนํ้า กลุ่มบริษัทธนูลักษณ์ฯจึงได้พัฒนาระบบซัพพลายเชนทั้งระบบด้วยนวัตกรรมและการขับเคลื่อนด้วยธุรกิจยุค 4.0 เริ่มตั้งแต่ช่วงก่อนหน้านี้ได้ลงทุน 117 ล้านบาทเข้าไปถือหุ้นหลักในบริษัท เอราวัณสิ่งทอ จำกัด ผู้ผลิตเส้นด้ายและทอผ้าผืน ซึ่งถือว่าเป็นธุรกิจต้นนํ้า ที่เป็นกลุ่มผู้ผลิตวัตถุดิบ
ส่วนบริษัทจะเป็นผู้ผลิตสินค้าซึ่งถือเป็นธุรกิจกลางนํ้า นอกจากนี้ ยังมีบริษัท เอส.แอพพาเรล จำกัด ซึ่งรับจ้างผลิตสินค้าส่งออกประเทศญี่ปุ่น สำหรับธุรกิจปลายนํ้า จะเป็นกลุ่มบริษัทจัดจำหน่ายและกระจายสินค้า ที่เป็นบริษัทในเครือสหพัฒน์และบริษัทพันธมิตร
ได้แก่ บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) จัดจำหน่ายสินค้าหลักของบริษัท เซเลเบรทเว็ลธ จำกัด จำหน่ายเฉพาะแบรนด์เอราวอน,โลลี่ป๊อป และกาโด้ ฝ่ายขายและการตลาด ของบริษัท ธนูลักษณ์ฯ ที่จัดตั้งขึ้นมาผลิตและจำหน่ายออริจินัลแบรนด์ และแบรนด์ใหม่ในอนาคต บริษัท เวิลด์ สหแฟชั่น จำกัด บริษัทร่วมทุนกับ บริษัท world จากญี่ปุ่น เป็นผู้ผลิต นำเข้าและจำหน่ายแบรนด์ทาเคโอะ คิคูชิ ประเทศญี่ปุ่น เว็บไซต์?ลาซาด้า และมีการกระจายสินค้าภายใต้โครงการไทเกอร์ สุวรรณภูมิ
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,281 วันที่ 23 - 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2560