‘บิ๊กตู่’สั่งทบทวนคดีไห่หนาน เบี้ยวรับยาง3.7แสนตัน-พิรุธกยท.จะคืนเงินค่าเสียหาย

24 ธ.ค. 2560 | 02:34 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ธ.ค. 2560 | 09:34 น.
“ประยุทธ์” สั่ง กยท.ทบทวนใหม่ “คดีไห่หนาน” ซื้อขายยางเก่าพ่วงยางใหม่ 4 แสนตัน หลังบอร์ดตัวแทนเกษตรกรเบรกให้ยอมความ ส่อพิรุธ แทนที่จะปรับให้คู่กรณีชดใช้ค่าเสียหายกว่า 3.75 ล้านดอลล์

“ฐานเศรษฐกิจ” ยังติดตามคดีความระหว่างการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กับบริษัท ไชน่าไห่หนานรับเบอร์อินดัสทรี กรุ๊ป จำกัด (บจก.) จากจีน เรื่องการซื้อขายยางใน 2 โครงการของรัฐบาลประกอบด้วย โครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง และโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายาง ปริมาณยางรวม 4.08 แสนตัน โดยทางไชน่าไห่หนานฯ ได้รับมอบสินค้าไม่ทันตามสัญญา

[caption id="attachment_171465" align="aligncenter" width="503"] Tp8-3244-a-696x385 พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ[/caption]

ซึ่งสุดท้ายแล้ว พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีเกษตรฯ ไม่ยอมความจึงเป็นที่มาของการต้องเสียค่าปรับตามสัญญา (ค่าปรับรับมอบยางล่าช้า ค่าเสียหาย ค่าเช่าโกดัง และค่าจัดเก็บรักษายาง) รวม 3.75 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯนั้น

แหล่งข่าวจากคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าในการประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ(กนย.)ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2560 นอกจากที่ประชุมจะหารือกันถึงมาตรการแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกตํ่าแล้ว ในที่ประชุมครั้งนี้ ทาง กยท. ได้ส่งเรื่องให้พิจารณาเรื่องตก ลงค่าเสียหายตามสัญญาซื้อขายผลิตภัณฑ์ยางระหว่าง กยท.กับบริษัท ไชน่าไห่หนานฯ หลังบริษัทดังกล่าวรับมอบยางพาราทั้ง 2 โครงการไม่ทันตามสัญญา

TP08-3324-A โดยแบ่งเป็นสัญญาในโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรฯ จำนวน 2.08 แสนตัน บริษัทรับมอบยางไปเพียง 2.95 หมื่นตัน ยังคงเหลือค้างรับ 1.78 แสนตัน ส่วนสัญญาแนบท้ายในโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชน จำนวน 2 แสนตัน ผู้ซื้อรับมอบยางไปเพียง 5,460 ตัน ยังคงเหลือปริมาณยางค้างรับอีกจำนวน 1.94 แสนตัน เมื่อรวมทั้ง 2 โครงการรับมอบยางไปทั้งสิ้น 3.49 หมื่นตัน และยังคงเหลือจำนวน 3.73 แสนตัน ทำให้ผู้ขาย ได้รับความเสียหาย 3.75 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ดูกราฟิกประกอบ)

“บริษัทดังกล่าวได้ยินยอมชำระค่าปรับเต็มตามจำนวนงวดที่ 1 จำนวน 1.22 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เห็นว่ามีเจตนาที่จะรักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และอาจร่วมมือเป็นคู่ค้ากันต่อไปได้ในอนาคต ดังนั้นจึงเห็นว่าค่าปรับในงวดที่ 2 เสนอให้บริษัทชำระให้กึ่งหนึ่งของจำนวนค่าปรับตามสัญญา”

แหล่งข่าว กล่าวว่า ทางกยท. ได้ให้สำนักกฎหมายชี้แจงในที่ประชุมยืนยันและเห็นสมควรว่า ให้ กยท. ระงับข้อพิพาทแล้วจะต้องคืนเงินค่าปรับให้กับบริษัท ไชน่าไห่หนานฯ 6.13 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ เพราะถึงจะชนะคดี ก็ได้ไม่คุ้ม จากคู่กรณีอยู่ต่างประเทศ (เหตุที่เรื่องนี้ต้องเข้าครม.จากเป็นโครงการที่ได้รับอนุมัติจากรัฐบาล) “ในที่ประชุมผู้แทนเกษตรกรที่นั่งในบอร์ด ยกมือไม่เห็นด้วย เนื่องจากเห็นว่าฝ่ายรัฐเสียหาย และการกระทำของ กยท.ส่อพิรุธ โดยล่าสุด ( 22 พ.ย.60) ยังบินไปทำสัญญาซื้อขายใหม่กับไชน่า 1 หมื่นตันที่ประเทศจีน แทนที่จะแบล็กลิสต์ให้บริษัทชดใช้ แต่กลับจะคืนเงินให้บริษัทนี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งให้ กยท.กลับไปทบทวนไตร่ตรองให้รอบคอบ”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,324 วันที่ 21 - 23 ธันวาคม พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-9