ดีป้าผนึกกำลังเครือข่ายร่วมผลักดัน DQ report 2018 วัดทักษะความฉลาดทางดิจิทัลเด็กไทย (Digital Intelligence: DQ) พบเด็กไทยเสี่ยงภัยออนไลน์ พร้อมเดินหน้าใช้ประโยชน์จากข้อเท็จจริง ไม่อยากให้มองว่าเป็นปัญหา แต่เป็นโอกาสที่สามารถพัฒนาสร้างพลเมืองดิจิทัลที่มีคุณภาพให้ดียิ่งขึ้น
ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล(ดีป้า) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเผยว่า ทางดีป้า กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม , สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ และ DQ institute หน่วยงานที่เกิดจากความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนทั่วโลก ประสานงานร่วมกับ เวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรั่ม มุ่งมั่นให้เด็กๆ ทุกประเทศได้รับการศึกษาด้านทักษะพลเมืองด้านดิจิทัลที่มีคุณภาพและใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์อย่างปลอดภัย
ร่วมกันจัดทำรายงานการศึกษา The 2017 DQ Impact Study การศึกษาครั้งนี้เริ่มต้นในเดือน พฤษภาคม-ธันวาคม 2560 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ #DQ Every Child โดยทำการศึกษาเด็กไทยอายุ 8-12 ปี ทั่วประเทศ 1,300 คน ผ่านแบบสำรวจออนไลน์ DQ Screen Time Test ชุดเดียวกันกับเด็กประเทศอื่นๆ รวมกลุ่มตัวอย่างทั่วโลกทั้งสิ้น 37,967 คน
จากรายงานการศึกษามีข้อสังเกตที่น่าสนใจพบว่า เด็กไทยมีความเสี่ยงจากภัยออนไลน์ถึง 60% ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของการศึกษาครั้งนี้อยู่ที่ 56% (จาก 29 ประเทศทั่วโลก) เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านพบว่า ประเทศฟิลิปินส์อยู่ที่ 73% อินโดเนียเซียอยู่ที่ 71% เวียดนามอยู่ที่ 68% สิงคโปร์ 54% มาเลเซีย 57% ภัยออนไลน์ที่เจอจากการศึกษาชุดนี้ประกอบไปด้วย
การกลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์ หรือ Cyber bullying , ถูกล่อลวงออกไปพบคนแปลกหน้าจากสื่อสังคมออนไลน์ , ปัญหาการเล่นเกม เด็กติดเกม,ปัญหาการเข้าถึงสื่อลามกอนาจาร , ดาวน์โหลดภาพหรือวิดีโอที่ยั่วยุอารมณ์เพศ และพูดคุยเรื่องเพศกับคนแปลกหน้าในโลกออนไลน์
“ปัจจุบันนี้เด็กไทยเสพและใช้ข้อมูลดิจิทัลแตกต่างจากผู้ใหญ่ ปัจจัยหลายอย่างทำให้ยากที่ผู้ใหญ่ตลอดจนคุณครูจะเข้าใจความเสี่ยงและภัยคุกคามที่เด็กเผชิญอยู่ ปัญหานี้จึงเกิดเป็นช่องว่างที่ทำให้ผู้ใหญ่ ไม่สามารถให้คำแนะนำในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างมีความรับผิดชอบและถูกวิธีได้ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตระหนักถึงการพัฒนาดิจิทัลในมิติด้านสังคม โดยเฉพาะการเสริมสร้างและยกระดับทักษะชีวิตในโลกยุคดิจิทัล หรือ ความฉลาดทางดิจิทัล (Digital Intelligence: DQ) ให้กับเด็กและเยาวชน เพราะทักษะเหล่านี้เป็นรากฐานในการปลูกฝังความคิดและทัศนคติต่อไป
รายงานชิ้นนี้ ทำให้ประเทศไทยเห็นมิติที่รอบด้านของเด็กไทยชัดเจนขึ้น ทั้งนี้ข้อมูลจากการศึกษาจะถูกนำไปใช้ในการกำหนดยุทธศาสตร์พัฒนาทักษะดิจิทัลของเด็กไทย เพื่อยกระดับให้เด็กมีความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ สร้างความมั่นคงและเติมเต็มศักยภาพการเรียนรู้ทางด้านดิจิทัล เช่น สามารถเข้าใจหรือเลือกทำในสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดผลเชิงลบต่อตนเองในโลกออนไลน์ ”
จากสถานการณ์ของเด็กไทยที่สำคัญในรายงาน DQ report 2018 ในปีนี้ดีป้าพร้อมเดินหน้าส่งเสริมการสร้างความฉลาดทางดิจิทัล ( Digital intelligence Quotient : DQ) โดยจะร่วมมือกับ สพฐ และ DQ institute เสริมทักษะ DQ ของเด็กไทย และพัฒนาทัศนคติ ตลอดจนพฤติกรรมของพวกเขาไม่ให้มีความเสี่ยงในโลกไซเบอร์ ภายใต้แคมเปญ #DQEveryChild ซึ่งมีเป้าหมายจะพัฒนาทักษะ DQ ของเด็กอายุระหว่าง 8-12 ปี จำนวน 20 ล้านคนภายในปี 2563 และเมื่อสิ้นสุดแคมเปญ จะมีการวัด DQ score ของแต่ละประเทศที่เข้าร่วมโครงการ ตลอดจนรายงานผลดังกล่าวในการประชุมเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรั่มต่อไป
ดร.ณัฐพล กล่าวต่อว่าเมื่อเดือนกันยายน 2559 เวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรั่ม ได้เผยแพร่ ถึงคุณลักษณะและทักษะชีวิตในโลกยุคดิจิทัล หรือ "ความฉลาดทางดิจิทัล" (Digital Intelligence: DQ) ที่จำเป็นสำหรับเด็กในศตวรรษที่ 21 แบ่งเป็น 8 ทักษะ ดังนี้ 1.ทักษะในการรักษาอัตลักษณ์ที่ดีของตนเอง 2.ทักษะในการจัดสรรเวลาหน้าจอ 3.ทักษะในการรับมือกับการคุกคามทางโลกออนไลน์ 4.ทักษะในการรักษาความปลอดภัยของตนเองในโลกออนไลน์
5.ทักษะในการรักษาข้อมูลส่วนตัว (Privacy Management): มีดุลพินิจในการบริหารจัดการข้อมูลส่วนตัว โดยเฉพาะการแชร์ข้อมูลออนไลน์เพื่อป้องกันความเป็นส่วนตัวทั้งของตนเองและผู้อื่น 6.ทักษะการคิดวิเคราะห์มีวิจารณญาณที่ดี (Critical Thinking): ความสามารถในการวิเคราะห์แยกแยะระหว่างข้อมูลที่ถูกต้องและข้อมูลที่ผิด ข้อมูลที่มีเนื้อหาดีและข้อมูลที่เข้าข่ายอันตราย ข้อมูลติดต่อออนไลน์ที่น่าตั้งข้อสงสัยและน่าเชื่อถือได้
7.ทักษะในการบริหารจัดการข้อมูลที่ผู้ใช้งานมีการทิ้งไว้บนโลกออนไลน์ (Digital Footprints): ความสามารถในการเข้าใจธรรมชาติของการใช้ชีวิตในโลกดิจิทัลว่า จะหลงเหลือร่องรอยข้อมูลทิ้งไว้เสมอ รวมไปถึงเข้าใจผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้น เพื่อการดูแลสิ่งเหล่านี้อย่างมีความรับผิดชอบ และ8.ทักษะการใช้เทคโนโลยีอย่างมีจริยธรรม (Digital Empathy): ความเห็นอกเห็นใจ และเข้าใจความรู้สึกผู้อื่นบนโลกออนไลน์
ทักษะในยุคดิจิทัลถือเป็นทักษะร่วมของทุกคนในสังคม ทุกภาคส่วนควรสร้างและหาโอกาสที่จะนำเอาข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ในการร่วมกันวางกรอบแผนงาน โดยเฉพาะสถานการณ์วันนี้ ที่เด็กกับเทคโนโลยีดิจิทัลมีความใกล้ชิดกันมากจนเกินกว่าจะแยกกันออก สิ่งสำคัญคือการเร่งสร้างภูมิคุ้มกันในตัวเด็ก เพื่อเพิ่มโอกาสและศักยภาพด้านดิจิทัลและการแข่งขันให้กับประเทศไทยอย่างยั่งยืน