เสริมสุขเพิ่มโรงงานน้ำดื่มคริสตัล ทำปีละแห่งประเดิมภาคอีสาน

25 ม.ค. 2559 | 05:00 น.
อัปเดตล่าสุด :25 ม.ค. 2559 | 10:27 น.
เสริมสุข ทุ่ม 500 ล้านบาท ผุดโรงงานผลิตน้ำดื่มคริสตัลเพิ่มในเขตภาคอีสาน รองรับตลาดน้ำดื่มมูลค่ากว่า 3.2 หมื่นล้านบาทโตต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าสร้างแผนงานกระตุ้นยอดขาย ทั้งกิจกรรมทางการตลาด เพิ่มแวร์เฮาท์ และบริหารจัดการระบบการขาย มั่นใจสามารถสร้างการเติบโตได้ปีละ 15%

นายวิเวก ชาห์บรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานของบริษัทนับจากนี้จะเดินหน้าลงทุนขยายโรงงานผลิตน้ำดื่มคริสตัลเฉลี่ย 1 โรงงานต่อปี ภายใต้งบประมาณการลงทุน 500 ล้านบาทต่อโรงงาน เพื่อรองรับการเติบโตของกลุ่มธุรกิจน้ำดื่มของบริษัทในประเทศเป็นหลัก ล่าสุดได้ใช้งบประมาณกว่า 500 ล้านบาท ในการก่อสร้างโรงงานผลิตน้ำดื่มในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือช่วงปลายปีนี้ และคาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตได้ราวปลายปีหน้า จากเดิมที่บริษัทมีโรงงานผลิตน้ำดื่มอยู่แล้ว 5 แห่ง ได้แก่ ที่จังหวัดนครราชสีมา,ปทุมธานี,ชลบุรี,สุราษฏร์ธานี และนครปฐม และจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้อีก 100 ล้านลิตร หรือคิดเป็น 15 ล้านลังต่อปี จากเดิมที่สามารถผลิตได้ 100 ล้านลังต่อปี หรือคิดเป็นจำนวน 600 ล้านลิตร

"แม้ปัจจุบันจะมีโรงงานถึง 5 แห่ง แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อการผลิตน้ำดื่ม เพื่อรองรับความต้องการของตลาดภายในประเทศ และยังต้องใช้โรงงานผลิตเครื่องดื่มในเครือ ทั้งไทยเบฟ และโออิชิ ช่วยในการผลิตเพื่อรองรับตลาด ทำให้บริษัทต้องมีการลงทุนในส่วนของโรงงานเพิ่มทุกปี โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อรองรับตลาดในประเทศ ตามวิชั่น 2020 ของเครือไทยเบฟฯ แต่หากมีโอกาสก็พร้อมที่จะรุกตลาดต่างประเทศทันที ซึ่งความท้าทายของตลาดน้ำดื่มในปีนี้ คือ ทำอย่างไรให้สามารถผลิตน้ำดื่มได้เพียงพอกับความต้องการ"

ขณะที่แผนการตลาดในปีนี้ จะให้ความสำคัญการรุกตลาดผ่านความเป็นน้ำดื่มคุณภาพที่ดี พร้อมกับใช้ศักยภาพบริษัทต่างๆภายในเครือไทยเบฟฯ ในการสร้างการเติบโต ควบคู่กับการจัดกิจกรรมทางการตลาดรูปแบบต่างๆ ล่าสุดได้ใช้งบประมาณราว 50 ล้านบาท เพื่อทำแคมเปญ"น้ำดื่มไม่ได้เหมือนกันหมด" โดยวางเป้าหมายเพื่อขยายฐานกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเข้าถึงผู้เป้าหมายกว่า 5 ล้านคน ภายใน 1 เดือน มั่นใจว่าจะสร้างยอดขายในปีนี้ 100 ล้านลัง

นอกจากนี้ยังมีขยายแวร์เฮาท์เพิ่มขึ้นตามสัดส่วนการผลิตน้ำดื่มที่มากขึ้น ควบคู่กับการบริหารจัดการระบบการขายให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มทีมขาย พัฒนาช่องทางการจำหน่ายใหม่ๆ และการฝึกอบรมพนักงานขายเพิ่มเติม เพื่อสร้างการเติบโตของบริษัทให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้

อย่างไรก็ตามปัจจุบันคริสตัลมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นลำดับที่ 2 โดยมีมาร์เก็ตแชร์ 17% ขณะที่ผู้นำตลาดมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 21% และเนสท์เล่ ครองส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 11-12% โดยบริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ 15% ต่อปี จากปีที่ผ่านมาสามารถสร้างการเติบโต 18% ขณะที่ภาพรวมตลาดในช่วงปีที่ผ่านมาเติบโต 11% และมีมูลค่าตลาดรวม 3.2 หมื่นล้านลิตร

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,125 วันที่ 24 - 27 มกราคม พ.ศ. 2559