'บลูโอเชี่ยน พาวเวอร์' ลุยตลาดยุโรปและตะวันออกกลาง หวังกระจายความเสี่ยงจากตลาดส่งออก พร้อมสร้างโรงแพ็กรองรับการขยายตัว เชื่อสร้างรายได้ปีนี้ได้กว่า 20 ล้านบาท ชูจุดเด่นรสชาติผลไม้ไทยและเทคโนโลยีซอฟต์ดราย
น.ส.อุมาพร ศุภจินดาชัยกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท บลูโอเชี่ยน พาวเวอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผลไม้อบแห้งภายใต้แบรนด์ 'ฟรุ๊ตแฟมิลี่' (FRUIT FAMILY) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า เพื่อเป็นกระจายความเสี่ยงและสร้างความสมดุลทางด้านการส่งออกในปีนี้ บริษัทจะมุ่งเน้นการทำตลาดกับลูกค้าในประเทศแถบยุโรปและตะวันออกกลาง หลังจากที่ยอดการส่งออกของบริษัทประมาณ 80% ของทั้งหมด มีสัดส่วนถึง 40% ที่เป็นลูกค้าจากประเทศจีน โดยมองว่า หากยอดขายจากจีนเกิดความผันผวน จะได้มีตลาดอื่นไว้รองรับ
[caption id="attachment_280727" align="aligncenter" width="503"]
©FB:Fruit Family[/caption]
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนสร้างโรงแพ็กผลิตภัณฑ์เป็นของตนเอง เพื่อรองรับการขยายตัวของการส่งออก เนื่องจากมองว่า ในบางเวลาที่มียอดคำสั่งซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก โรงงานที่ทำให้บริษัทจะมีกำลังการผลิตไม่เพียงพอ โดยมองว่าเมื่อมีโรงแพ็กผลิตภัณฑ์เอง บริษัทก็จะสามารถนำคำสั่งซื้อในจำนวนที่ไม่มากมาแพ็กเองได้ เพื่อไม่ให้เป็นการสูญเสียโอกาสทางการค้า
ขณะที่ ตลาดในประเทศ บริษัทมีแผนวางจำหน่ายที่ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต (Tops Supermarket) 20 สาขา ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และตามเมืองท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต เป็นต้น รวมถึงการจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าเครือเดอะมอลล์กรุ๊ป 4 แห่ง ได้แก่ สยามพารากอน, เอ็มโพเรียม (Emporium), เอ็มควอเทียร์ (The Emquartier) และเดอะมอลล์โคราช เนื่องจากพฤติกรรมการบริโภคของคนไทยยังคงนิยมการรับประทานผลไม้แบบสด และคนไทยเองก็อยู่ใกล้ชิดกับผลไม้สดอยู่แล้ว เช่นเดียวกับประเทศในแถบเออีซี (AEC) ดังนั้น บริษัทจึงเลือกที่จะทำตลาดส่งออกไปยังประเทศแถบอื่นมากกว่า
[caption id="attachment_280728" align="aligncenter" width="283"]
©FB:Fruit Family[/caption]
"จากกลยุทธ์การทำตลาดและปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิต เชื่อว่าในปีนี้ บริษัทจะมียอดรายได้ไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท จากยอดออร์เดอร์ที่มีการเซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว ยังไม่รวมรายได้จากลูกค้าที่จะมางานไทยเฟล็ก (Thaiflex) ปีนี้ และลูกค้าจากการรับจ้างผลิต (OEM) ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการเจรจาธุรกิจค่อนข้างนาน จึงยังไม่ได้มีการตั้งเป้าตัวเลขรายได้เอาไว้ โดยปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ภายใต้
'ฟรุ๊ตแฟมิลี่' มี 6 ประเภท ได้แก่ มะม่วง, ขนุน, ส้ม, สับปะรด, มะละกอ และแคนตาลูป"
สำหรับจุดเด่นของผลิตภัณฑ์นั้น อยู่ที่รสชาติของผลไม้ไทยที่อร่อย และเป็นที่ยอมรับอยู่แล้วจากผู้บริโภค อีกทั้งยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพ เนื่องจากบริษัทเลือกใช้สูตรที่มีน้ำตาลน้อย และเป็นสูตรซอฟต์ดราย (Soft Dry) ซึ่งทำให้เนื้อผลไม้ยังคงความนุ่มและคงรสชาติได้ใกล้เคียงกับผลไม้สดมากที่สุด นอกจากนี้ ยังมีการคัดสรรผลไม้คุณภาพดีมาแปรรูป แต่จำหน่ายในราคาที่ไม่สูง
[caption id="attachment_280729" align="aligncenter" width="503"]
©FB:Fruit Family[/caption]
น.ส.อุมาพร กล่าวต่อไปอีกว่า ปัจจุบัน ภาพรวมรายได้ทั้งหมดของบริษัทมีสัดส่วนมาจากการส่งออกประมาณ 80% และจำหน่ายในประเทศ 20% โดยที่ยอดการส่งออกมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เริ่มทำตลาดจากจุดเริ่มต้นในปีแรก ซึ่งบริษัทมียอดการส่งออกอยู่ที่ 20% และในประเทศ 80% ส่วนปี 59 มีสัดส่วนการส่งออกอยู่ที่ 45% และในประเทศ 55% ขณะที่ ปี 60 มีสัดส่วนการส่งออกอยู่ที่ 80% และในประเทศ 20% โดยมียอดรายได้เติบโตขึ้นจาก 4.5 แสนบาท เป็น 4.5 ล้านบาท และ 12 ล้านบาท ตามลำดับ
ส่วนกุญแจสำคัญที่นำทางไปสู่ความสำเร็จของธุรกิจนั้น มาจากการให้บริการที่ดี โดยบริษัทจะตอบลูกค้าที่ติดต่อเข้ามาทางอีเมลภายใน 24 ชั่วโมง แม้ว่าในบางครั้งจะยังไม่มีคำตอบที่ลูกค้าต้องการ แต่ก็จะตอบกลับไป เพื่อให้รู้ว่า ทางบริษัทได้รับทราบแล้ว และพยายามที่จะหาคำตอบให้ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นการใส่ใจกับลูกค้า อีกทั้งยังตอบได้ทุกช่องทางที่สามารถติดต่อกันได้บนโลกโซเชียล ไม่ว่าจะเป็น วีแชต หรือ ไลน์ นอกจากนี้ ในเวลาที่ลูกค้าต้องการผลิตภัณฑ์เพื่อนำไปทดลอง บริษัทก็จะส่งให้แบบไม่อั้นตามคำขอ และไม่คิดค่าบริการในการส่ง ทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ จนต้องสั่งซื้อผลิตภัณฑ์จากบริษัท
……………….
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,354 วันที่ 5-7 เม.ย. 2561 หน้า 13
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
●
ก.อุตฯดันมหานครผลไม้เร่งตั้งคณะทำงานศึกษาก่อนหยั่งเชิงนักลงทุนปลายปีนี้
●
พาณิชย์ลงพื้นที่ 'มหานครผลไม้โลก' เตรียมพร้อมขายผ่าน 'อาลีบาบา'