บูติคนิวซิตี้เปิด A’MAZE มัลติแบรนด์สโตร์โมเดลใหม่เจาะตลาดเมืองไทย

บูติคนิวซิตี้ชี้เทรนด์ลูกค้ายุคใหม่เปลี่ยนแปลงเร็ว เปิดช็อปโมเดลใหม่ “เอ-เมส” มัลติแบรนด์สโตร์แฟชั่น ชูจุดเด่นการบริหารพื้นที่แบบหลากหลายและแฟชั่นเสื้อผ้าแบบมิกซ์แอนด์แมตช์รุกตลาด นำร่องทดลองตลาด 2 แห่งในปลายปี ก่อนสปีดเพิ่มปีหน้า

นางประวรา เอครพานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท บูติคนิวซิตี้ จำกัด (มหาชน) ในเครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า บริษัทเปิดตัวมัลติแบรนด์สโตร์แฟชั่นรูปแบบใหม่ในชื่อ “เอ-เมส” (A’MAZE) ซึ่งเป็นการรวบรวมเอาแฟชั่นเสื้อผ้าหลายแบรนด์เข้ามาไว้ภายในร้านทั้งแบรนด์ในเครืออย่าง Guy Laroche, GSP, Jousse, L’officiel, C&D, Springfield, Women’ Secret นอกจากนี้ยังพร้อมผนึกพันธมิตรแบรนด์ใหม่ๆเข้ามาในร้านในอนาคต ซึ่งจะเปิดบริการเต็มรูปแบบเดือนสิงหาคมนี้ 2 แห่ง ได้แก่ ศูนย์การค้า ZPELL ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต บนพื้นที่ 170 ตร.ม. และรูปแบบสแตนด์อะโลน ในสยามสแควร์ ซอย 2 ในชื่อ “A’MAZE LIFESTYLE BUILDING” โดยทั้ง 2 สาขาจะเป็นสาขานำร่องศึกษาตลาดก่อนแต่ขณะเดียวกันก็มองหาพื้นที่ใหม่ๆในการขยายสาขาควบคู่กันไปอีกด้วย

[caption id="attachment_294791" align="aligncenter" width="335"] ประวรา เอครพานิช[/caption]

“ปัจจุบันธุรกิจรีเทลเป็นช่องทางสำคัญในการจำหน่ายสินค้าแฟชั่นเสื้อผ้า ขณะเดียวกันก็ถือเป็นธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงสูง ส่งให้พฤติกรรมในการจับจ่ายของลูกค้าก็เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย จากในอดีตลูกค้าไปห้างเพื่อจับจ่ายซื้อสินค้าและไปเพื่อความจำเป็นในการซื้อสินค้า ขณะที่ปัจจุบันการไปห้างเพื่อความจำเป็นเริ่มน้อยลง วิถีชีวิตของคนยุคใหม่เปลี่ยนไป ต้องการไปในที่ที่มีความสุข ดังนั้นทำอย่างไรให้ลูกค้ามาแล้วมีความสุข นั่นเองจึงเป็นแนวคิดของการเปิดตัวมัลติสโตร์ดังกล่าวขึ้น”

สำหรับเอ-เมส ถือเป็นร้านที่นำเอาสินค้าแฟชั่นเสื้อผ้าหลายแบรนด์มารวบรวมไว้สไตล์มิกซ์แอนด์แมตช์ โดยจะแบ่งเป็น 3 โซน ได้แก่ โซนของแบรนด์ในเครือที่วางจำหน่ายไม่ว่าจะเป็น Guy Laroche, GSP, Jousse, Lofficiel, C&D, Springfield, Women’ Secret 2.โซนเมส ที่จะให้เป็นพื้นที่ของแบรนด์พันธมิตรต่างๆเอาไว้ และ 3. โซนอเมสซิ่ง จะเป็นโซนพิเศษที่รวมเอาสิ่งเซอร์ไพรส์ไว้ในนั้น เช่น โปรโมชันพิเศษ ของหายาก เป็นต้น ซึ่งจำนวนโซนของแต่ละสาขาอาจจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับพื้นที่ของแต่ละสาขาว่ามากน้อยต่างกันขนาดไหน
“เดิมเรามีแบรนด์ในเครือหลายแบรนด์อยู่แล้ว ซึ่งการเปิดร้านดังกล่าวถือเป็นการปรับแนวคิดจากการบริหารพื้นที่แบบเป็นแบรนด์สู่แนวคิดการบริหารแบบใหม่ ด้วยการสร้างประสบ การณ์ปรับลุคการแต่งกาย (Styling Experient) ให้ลูกค้าสามารถเปลี่ยนแปลงการแต่งตัวได้หลากหลาย โดยไม่จำกัดอายุของกลุ่มเป้าหมายที่จะเข้ามาภายในร้าน ซึ่งนอกจากจะเป็นการนำร่องเปิดร้านแฟชั่นมัลติแบรนด์รูปแบบใหม่แล้วยังเป็นการปรับแนวคิดใหม่ให้แก่ลูกค้าในการแต่งตัว พร้อมทั้งนำเสนอภาพความทันสมัยของแต่ละแบรนด์ให้ชัดขึ้น พร้อมทั้งนำสินค้าแต่ละชิ้นมามิกซ์แอนด์แมตช์ให้เกิดภาพ ใหม่ๆขึ้น”
ขณะที่สาขาของแบรนด์ในปัจจุบันมีทั้งสิ้น 80 ช็อปทั่วประเทศนั้น จะทยอยเปลี่ยนสาขาบางจุดมาเป็นเอ-เมส ซึ่งคงต้องดูตามสถานการณ์ของพื้นที่รีเทลที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาตามความเหมาะสม ซึ่งหากมีพื้นที่ใหญ่ราว 170 ตร.ม.ความสามารถในการรองรับมัลติแบรนด์ได้ก็จะทำ เพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยในส่วนของแต่ละแบรนด์ในเครือปัจจุบันจะมีการเปิดตัวคอลเลกชันใหม่ทุก 6 เดือนอยู่แล้ว และจะมีวิธีการนำเสนอแตกต่างกันออกไป ซึ่งการเปิดสาขาดังกล่าวก็คืออีกหนึ่งแนวคิดของการนำเสนอสินค้าให้ลูกค้าสนใจ

……………….……………….……………….

หน้า 34 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,380 วันที่ 5-7 ก.ค. 2561