“Love Farm” เล็งเพิ่มสัดส่วนฐานลูกค้าออนไลน์ และขยายตลาดต่างประเทศให้โตเป็นช่องทางละ 10% พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภค เชื่อดันรายได้ปีนี้โตเป็น 30 ล้านบาท ชูแนวคิดครีเอทีฟสแน็กสร้างจุดขาย
นางสาวอุบลรัตน์ อิทธิเสริมบุญ กรรมการ บริษัท เลิฟฟาร์ม กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลไม้อบแห้งแนวใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ครีเอทีฟสแน็ก (Creative Snack) แบรนด์ “Love Farm” เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า บริษัทกำลังจะดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อขยายฐานลูกค้า โดยจะมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มสัดส่วนของฐานลูกค้าบนช่องทางออนไลน์ให้มีมากขึ้น จากเดิมที่มีสัดส่วนเพียง 1% จากยอดขายทั้งหมดให้เป็น 10% ในปีนี้ พร้อมทั้งมีการปรับเปลี่ยนแพ็กเกจจิ้งใหม่ของผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะเริ่มต้นประมาณเดือนกันยายนนี้
ทั้งนี้ ยังจะพยายามเพิ่มฐานลูกค้าของตลาดต่างประเทศให้เป็น 10% จากเดิมที่มีอยู่ประมาณ 3-5% ของรายได้ทั้งหมด จากการทำตลาดในประเทศจีน, ไต้หวัน และเกาหลี โดยมองไว้ที่ตลาดของประเทศยุโรป ซึ่งจะเป็นการทำตลาดในรูปแบบของการไปออกงานแสดงสินค้า และหาตัวแทนจำหน่ายของแต่ละประเทศ เหมือนกับกลยุทธ์ที่ดำเนินการมาก่อนหน้านี้ในประเทศอื่น
นอกจากนี้ ยังจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะนำเสนอสู่ผู้บริโภคเพิ่มเติมอีก 3-4 ชนิด ประกอบไปด้วย ฝรั่งอบแห้งคลุกบ๊วย, สับปะรดพริกเกลืออบแห้ง, มันม่วงอบแห้ง และบ๊วยแผ่น ขณะที่โครงการในลำดับถัดไปบริษัทมีแผนที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ภายใต้แนวคิดไทยสตรีตฟรุต (Thai Street Fruit) หรือการนำผลไม้ที่จำหน่ายในรูปแบบของรถเข็นมาทำเป็นอบแห้ง และโครงการเบเกอรี่อบแห้ง เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภคในการหาซื้อมารับประทาน
“การดำเนินการดังกล่าวของบริษัทอยู่บนแนวคิดของความสนุกและแปลกใหม่ที่ต้องการนำเสนอ โดยการนำอาหารทั่วไปมาบรรจุลงถุงในรูปแบบอบแห้ง โดยจะมุ่งเน้นการเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ เพราะภาพรวมธุรกิจของบริษัทในอนาคตต้องการเป็นแบรนด์ของสแน็กเบอร์ 1 ของประเทศไทย ที่ผู้บริโภคนึกถึง”
สำหรับช่องทางในการทำตลาดหลักเดิมของแบรนด์ Love Farm นั้น จะดำเนินการผ่านช่องทางของห้างโมเดิร์นเทรด เช่น เซเว่นอีเลฟเว่น (7-11), แฟมิลี่มาร์ท (Family Mart), จิฟฟี่ (Jiffy), ท็อปส์ มาร์เก็ต (Tops Market), วิลล่า มาร์เก็ท (Villa Market), แม็กซ์แวลู (Max Valu) ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีช่องทางออนไลน์ผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก
นางสาวอุบลรัตน์ กล่าวต่อไปอีกว่า จากการดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาดในรูปแบบดังกล่าวเชื่อว่าจะทำให้บริษัทมีรายได้เติบโตขึ้น 100% จากปีที่ผ่านมา โดยจะทำให้บริษัทมีรายได้ประมาณ 30 ล้านบาท จากเดิมที่ได้อยู่ที่ประมาณ 15 ล้านบาทเมื่อปี 2560
“เราเรียกการนำเสนอผลิตภัณฑ์ในครั้งนี้ว่าครีเอทีฟสแน็ก (Creative Snack) หรือขนมที่กลั่นออกมาจากความคิดสร้างสรรค์ภายใต้พืชผลจากเกษตรกรของไทย เพราะเป็นการนำเสนอที่ยังไม่เคยมีมาก่อนในตลาด หลังจากนั้นจึงได้มีการต่อยอดผลิตภัณฑ์มาอย่างต่อเนื่อง จากผลิตภัณฑ์ลำดับแรกซึ่งได้แก่ เลมอนอบแห้ง จนได้เลมอนพริกเกลือ, มะม่วงนํ้าปลาหวาน โดยที่ผลิตภัณฑ์ในตลาดส่วนใหญ่จะใช้เป็นมะม่วงสุก แต่ของเราจะใช้มะม่วงดิบผ่านการนำเสนอในรูปแบบของการอบแห้งภายใต้แบรนด์ Love Farm”
ด้านหลักคิดในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนั้น ด้วยความที่แบรนด์มีแนวคิดจะต้องทำออกมาแล้วสนุก หากมัวแต่คิดก็คงจะไม่ได้เริ่มต้นทำ ดังนั้น เมื่อคิดออกแล้วจะต้องทำเลยทันที โดยจะต้องทำอะไรที่แตกต่างที่ยังไม่มีในตลาด เพื่อให้เป็นจุดขายของแบรนด์
“ต้องการให้การทำธุรกิจเป็นเรื่องสนุก ไม่กลัวที่จะลองทำ เพราะหากมัวแต่คิดว่าทำแล้วจะไม่ประสบความสำเร็จก็คงจะไม่ได้ทำ เช่น ในช่วงเริ่มต้นทำธุรกิจ มีหลายคนที่บอกว่าการทำผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเลมอนนั้นทำยาก แต่เราก็เลือกที่จะลงมือทำ โดยเมื่อทำไปแล้วก็ทำให้ได้พบกับปัญหาเรื่องของวัตถุดิบที่ไม่เพียงพอ เพราะเลมอนไม่ได้ปลูกได้ทั้งปี ซึ่งจากจุดดังกล่าวทำให้เราได้เรียนรู้ เพื่อนำกลับมาปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยหากในวันนั้นเลือกที่จะกลัวเพราะคำพูดจากผู้อื่น ธุรกิจแบรนด์ Love Farm ก็คงไม่ได้เกิดมาจนถึงปัจจุบัน”
หน้า 13 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3386 วันที่ 26-28 กรกฎาคม 2561