วันพรุ่งนี้ (24 ส.ค. 2561) นายหวัง หย่ง มนตรีแห่งรัฐ สาธารณรัฐประชาชนจีน จะนำคณะนักธุรกิจจากประเทศจีนกว่า 400 คน เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย–จีน ครั้งที่ 6 ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการเยือนของนักธุรกิจจากจีน ว่า การเยือนของจีนครั้งนี้มีผู้นำรัฐวิสาหกิจของจีน 22 แห่ง เอกชนระดับท็อป 50 อันดับแรกของประเทศจีน และผู้ประกอบการรวม 400 บริษัท เข้าพบในวันพรุ่งนี้ (24 ส.ค. 2561) โดยนักธุรกิจจีนคณะนี้จะเยี่ยมชมพื้นที่อีอีซีด้วย ในวันเสาร์ที่ 25 ส.ค. นี้
ขณะเดียวกัน ในช่วงบ่ายวันนี้ (23 ส.ค. 2561) กลุ่มบริษัท China Railway จากประเทศจีน ได้แก่ นาย Chen Fenjian ประธานบริษัท China Railway Construction และนาย Li Changin ประธานคณะกรรมการ บริษัท China Railway Engineering Corporation Limited เข้าพบนายสมคิด ที่ห้องรับรอง 1 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล
นายสมคิด ให้สัมภาษณ์ว่า บริษัท China Railway Construction เป็นบริษัทที่มีความสามารถในการก่อสร้างท่าเรือ รถไฟ สนามบิน ถนน ที่ใหญ่ที่สุดในจีน เขามีสาขาทั่วโลก แต่แถบอาเซียน ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง เขามาครั้งนี้เพราะสนใจอย่างยิ่งที่จะลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC และที่อื่น ๆ ในประเทศไทย เขาสนใจที่จะประมูลรถไฟ 3 เส้นทาง ที่มีการออกทีโออาร์มาแล้ว และต้องการลงทุนในโครงการอื่น ๆ ด้วย
ในขณะเดียวกัน มีการพูดคุยกันถึงเชื่อมโยงระหว่าง EEC กับเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC) มีการพูดถึงท่าเรือที่ จ.ระนอง เพราะเขาเคยศึกษาลึกซึ้งกับท่าเรือหลายประเทศ และเขาเคยไปดูท่าเรือที่ระนองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาบอกเลยว่า ที่นั่นมีศักยภาพในการเป็นท่าเรือที่ดีมาก จะทำให้คุณประโยชน์กับระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทยสูงมาก เพียงแต่ว่าที่ผ่านมา เศรษฐกิจภาคใต้ยังไม่มีมากพอที่จะทำในเรื่องนี้ หากพัฒนาเศรษฐกิจภาคใต้เชื่อมโยงกันไปด้วยจะทำให้เป็นการเชื่อมภาคใต้ได้สู่โลกและ EEC ด้วย
นอกจากนี้ นายสมคิด เปิดเผยด้วยว่า กล่าวถึงกลุ่มบริษัท ทัชโฮลดิ้ง ประเทศจีน ที่เมื่อก่อนเป็นเพียงสตาร์ทอัพที่ตั้งขึ้นระหว่างเอกชนกับรัฐบาลในมหาวิทยาลัยซินหัว แต่ขณะนี้เป็นบริษัทที่ช่วยประเทศจีนสร้างผู้ประกอบการที่มีคุณภาพในตลาดหลักทรัพย์ของจีนจำนวนมาก เขากำลังจะมาประสานกับกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อดูว่าจะร่วมมือกับไทยอย่างไร ในการสร้างนวัตกรรมใหม่ให้ผู้ประกอบการของไทย
"ไทย-จีน" เตรียมลงนาม 17 ฉบับ หนุน "ไทยแลนด์ 4.0-อีอีซี" เชื่อม "One Belt One Road" ... "อุตฯ" ชี้ 500 นักธุรกิจจีน ลุยอีอีซีหาพื้นที่ลงทุน
นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 24-25 ส.ค. 2561 คณะรัฐบาลและนักธุรกิจจากจีน 500 คน นำโดย นายหวัง หย่ง มนตรีแห่งรัฐของจีน จะเดินทางมาเยือนไทยอย่างเป็นทางการ โดยในวันที่ 24 ส.ค. 2561 เพื่อร่วมประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้า การลงทุนและความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 6 และร่วมสัมมนา Thailand-China Business Forum 2018 : Strategic Partnership through the Belt and Road Initiative and the EEC
รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า ในวันที่ 25 ส.ค. นี้ คณะของนายหวัง หย่ง พร้อมด้วยนักธุรกิจจากจีนมีกำหนดลงพื้นที่ศึกษาดูงานเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่สำคัญการเดินทางมาครั้งนี้จะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกันระหว่างไทยและจีน ทั้งหมด 17 ฉบับ แบ่งเป็น การลงนามเอ็มโอยูระหว่างไทยและเอกชนจีน 10 ฉบับ และการเอ็มโอยูระหว่างรัฐบาลไทย นำโดย กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเอกชนจีน 7 ฉบับ
นายอุตตม กล่าวว่า ประเทศไทยจะใช้โอกาสนี้เชื่อมอีอีซี ที่มุ่งเน้นพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายกับนโยบาย One Belt One Road ของจีน โดยเน้นความร่วมมือพัฒนาบุคลากรไทยให้รองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายรวมถึงการบ่มเพาะธุรกิจ การสร้างนวัตกรรมและธุรกิจสร้างสรรค์ โดยเน้นฐานผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเป็นสำคัญ รวมถึงการสร้างความร่วมมือในการเชื่อมโยงระบบคมนาคมขนส่งไทย-จีน
"ขณะนี้มีโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีนอยู่แล้ว รวมถึงการเชื่อมต่อพื้นที่ตอนเหนือของประเทศไทยเข้ากับคุนหมิงตอนใต้ของจีนด้วย" รมว.อุตสาหกรรม กล่าว
ด้าน ดร.คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการ คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ อีอีซี กล่าวว่า การมาของนักลงทุนจีนครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่ลงพื้นที่อีอีซีอย่างเป็นทางการและเป็นผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ของจีน เช่น หัวเว่ย ที่มีโครงการลงทุน 5G นั้น จะมาลงพื้นที่อีอีซีครั้งนี้ด้วย ที่เหลือจะเป็นนักลงทุนระดับกลาง ๆ แต่เป็นอุตสาหกรรมที่ไทยต้องการและเคยหารือกันบ้างแล้ว เมื่อครั้งไปโรดโชว์ก่อนหน้านี้ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร และอุตสาหกรรมดิจิทันกิจการด้านเทเลคอม ดังนั้น เชื่อว่าเม็ดเงินลงทุนจากจีนจะมาลงทุนในไทยมากขึ้นในอนาคต
……………….
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
●
นักท่องเที่ยวจีนยังมองไทยเป็นจุดหมายท่องเที่ยวอันดับ 1 ของเอเชีย
●
จีนขึ้นภาษี50%ทุบราคาข้าวดิ่ง