1 ปีขึ้นภาษีนํ้าตาล แบรนด์ดังพาเหรดส่งเครื่องดื่มหวานน้อยออกทำตลาดไม่หยุด ชูโลโก “ทางเลือกสุขภาพ” ใบเบิกทางดันยอดขาย “โคคา-โคลา” เร่งปรับสูตรตํ่าเกณฑ์ ส่งชาพร้อมดื่มน้องใหม่ “ฟิวซ์ที” เอาใจคนรักสุขภาพ “มาลี กรุ๊ป” จับมือ พาร์ตเนอร์เวียดนามนำเข้า “ฟิซซ่า” เจาะกลุ่ม Gen Z “เวิลด์ฟูดส์” ปรับแผน ปรับสูตรลดนํ้าตาล ขยายฐานนักดื่ม
1 ขวบปีเต็ม หลังการประกาศใช้มาตรการการจัดเก็บภาษีจากปริมาณความหวานในเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของนํ้าตาล หรือภาษีนํ้าหวาน แม้จะอยู่ในช่วงผ่อนปรนเป็นระยะเวลา 2 ปีเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้ปรับตัว แต่พบว่าในปีแรกแบรนด์ชั้นนำต่างพัฒนาเครื่องดื่มใหม่ในสูตรหวานน้อยออกทำตลาดต่อเนื่อง รวมทั้งการปรับสูตร ลดปริมาณนํ้าตาล ความหวานให้ได้ตามมาตรฐานที่กำหนด จนได้รับเครื่องหมายโภชนาการ “ทางเลือกสุขภาพ” (Healthier Choice) ที่ผ่านการตรวจสอบและรับรองจากมูลนิธิส่งเสริมโภชนาการ สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล และนำมาใช้เป็นจุดขายในการทำตลาด
นางสาวคลาวเดีย นาวาร์โร ผู้อำนวยการการตลาด บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากการศึกษาตลาดเครื่องดื่มในเมืองไทย พบว่าปัจจุบันผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพและดูแลรูปลักษณ์ของตัวเองมากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดการเลือกรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสมํ่าเสมอ บริษัทจึงใช้เป็นช่องว่างในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาด ขณะเดียวกันก็พัฒนาสูตรเครื่องดื่มที่มีอยู่ให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น
ล่าสุดบริษัทเปิดตัวชาพร้อมดื่มใหม่ “ฟิวซ์ที” ออก 2 รสชาติ ได้แก่ ชาผสมนํ้าเสาวรสและเมล็ดเชียและชากลิ่นพีชผสมเมล็ดเชีย ซึ่งเป็นการนำซูเปอร์ฟรุตหรือเสาวรส มาผสมกับเมล็ดเชีย พร้อมลดปริมาณนํ้าตาลลง จึงได้รับเครื่องหมายโภชนาการ “ทางเลือกสุขภาพ” (Healthier Choice) ที่ผ่านการตรวจสอบและรับรองจาก มูลนิธิส่งเสริมโภชนาการ สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจและเลือกดื่มแต่เครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยฟิวซ์ที จะมีจำหน่ายทั้งในรูปแบบขวดเพ็ตและตู้กดเครื่องดื่มในร้านอาหารชั้นนำ โรงภาพยนตร์ อาทิ เบอร์เกอร์คิง, เท็กซัส ชิคเก้น, เดอะมอลล์ ฟู้ดฮอลล์ และเอส เอฟ ซีนีม่า เป็นต้น
นอกจากนี้บริษัทยังเป็นครั้งแรกที่ “อาชิ-อาชิตา ศิริภิญญานนท์” ใช้บิวตี้ บล็อกเกอร์เป็นพรีเซนเตอร์ ที่จะมาแนะนำวิธีการดูแลตัวเองในทุกๆ ด้านให้แก่ผู้ติดตาม (Followers) ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะ Instagram -ARCHITASIRI และ YouTube-ArchitaStation ที่มีผู้ติดตามหลักล้านคน รวมทั้งใช้สื่อโฆษณาทั้งสื่อดิจิตอล โซเชียลมีเดีย สื่อ ณ จุดขาย ร้านสะดวกซื้อ “เซเว่นอีเลฟเว่น” สื่อ out-of-home ด้วย
ด้านนายโอภาส โลพันธ์ศรี ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการพาณิชย์ บริษัท มาลี กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลังจากที่มาลี กรุ๊ป เข้าซื้อกิจการบริษัทร่วมทุน ลอง ควน เซฟ ฟู้ด จำกัด ประเทศเวียดนาม ผู้ผลิตเครื่องดื่มรายใหญ่ด้วยมูลค่าการลงทุนราว 330 ล้านบาทเมื่อต้นปีที่ผ่านมา บริษัทได้แลกเปลี่ยนและนำผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นของลอง ควน เซฟ มาปรับให้เหมาะกับผู้บริโภคเมืองไทย พร้อมให้ผลิตและนำมาจำหน่ายในไทย โดยผลิตภัณฑ์แรกจะเป็นนํ้าผลไม้ผสมพร้อมดื่มภายใต้ชื่อ “ฟิซซ่า ซอลท์ตี้ เลมอน” เป็นนํ้าผลไม้ที่มีหลากรสชาติ เปรี้ยว ซ่า หวานด้วยปริมาณความหวานไม่ถึง 6% ถือเป็นทางเลือกใหม่ของคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจในสุขภาพ
“ฟิซซ่า เหมาะกับกลุ่มผู้บริโภคที่มีอายุ 14-35 ปีในกลุ่ม Gen Z ทั้งวัยรุ่นและวัยเริ่มทำงาน และเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย บริษัทจัดแคมเปญ “ฉลองให้กับความแปลก” (Cheers to the weirdo) เพื่อเป็นเพื่อนกับเหล่าเจนซี เข้าใจถึงความรู้สึกและความต้องการ ที่กล้าปลดปล่อย มีอิสระในการแสดงความสามารถและความคิดสร้างสรรค์”
ทั้งนี้นโยบายของบริษัทจะใช้จุดแข็งของลอง ควน เซฟฯ เป็นฐานการผลิต เพราะมีความพร้อมทั้งระบบการผลิตอันทันสมัยและการจัดหาวัตถุดิบธรรมชาติที่หลากหลาย รวมถึงต้นทุนที่แข่งขันได้ และในอนาคตบริษัทจะขยายไลน์ธุรกิจจากตลาดนํ้าผลไม้ไปยังตลาดนํ้าอัดลมด้วย
นางสาวกัญญา ติลกเรืองชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวิลด์ ฟูดส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายนํ้าผลไม้ผสมวุ้นนํ้ามะพร้าว แบรนด์เอ็ม-จอย (M-Joy), เจ-มิกซ์ (J-mix) กล่าวว่า แม้ตลาดเครื่องดื่มนํ้าผลไม้ในเซ็กเมนต์ Super Economy หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของนํ้าผลไม้ตํ่ากว่า 20% จะมีมูลค่าตลาดรวมราว 1,800 ล้านบาท แต่ถือเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญกับบริษัท โดยปัจจุบันเวิลด์ ฟูดส์ฯ เป็นผู้นำตลาดในกลุ่มนํ้าผลไม้มีวุ้นโดยมีส่วนแบ่งตลาดกว่า 57% จากมูลค่ารวม 400 ล้านบาท ทำให้บริษัทมุ่งพัฒนาและวิจัย (R&D) ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ตลอดเวลา รวมถึงเครื่องดื่มทางเลือกหรือเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ
ล่าสุดบริษัทได้ปรับสูตรและพัฒนาผลิตภัณฑ์เอ็ม-จอยและเจ-มิกซ์ให้หันมาทำตลาดในกลุ่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพด้วยการลดปริมาณนํ้าตาลลง 66% ทำให้เจ-มิกซ์ได้รับสัญลักษณ์โภชนาการ “ทางเลือกสุขภาพ” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนเครือข่ายที่รณรงค์ในการลดหวาน มัน เค็ม และภาควิชาการ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารที่เข้าใจง่ายสำหรับผู้บริโภคในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารที่มีปริมาณโซเดียม นํ้าตาล และ/หรือไขมันตํ่าลง เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดภาวะโภชนาการเกินและโรคที่เกี่ยวข้องในคนไทยแล้ว ส่วนเอ็ม-จอย อยู่ระหว่างการยื่นขอคาดว่าจะสามารถได้สัญลักษณ์ “ทางเลือกสุขภาพ” ในเร็วๆ นี้
อย่างไรก็ดีพบว่าแบรนด์ชั้นนำไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนํ้าดำ อย่างโค้กที่หันไปรุกทำตลาด “ซีโร่ ชูการ์” หรือเป๊ปซี่ ที่ทำตลาด “เป๊ปซี่ แมกซ์ เทสต์” “มิรินด้า มิกซ์-อิท” กลุ่มฟังก์ชันนัล ดริงก์ อย่าง เซ็ปเป้ ก็พัฒนา Beauti Drink สูตรใหม่พร้อมสินค้าใหม่ที่มีนํ้าตาลน้อยออกวางจำหน่าย กลุ่มชาเขียวที่ทั้งแบรนด์ โออิชิและอิชิตัน ต่างก็คลอดสูตรนํ้าตาลน้อยออกทำตลาด ยังไม่นับรวมเครื่องดื่มทั้งในกลุ่มกาแฟ นมเปรี้ยว เป็นต้น การขยับตัวปรับสูตรรับมาตรการภาษีนํ้าหวานครั้งนี้ จึงส่งผลดีต่อผู้บริโภค ที่ทำให้แบรนด์ต่างๆ หันมาใส่ใจในการพัฒนาสินค้าเพื่อสุขภาพและมีปริมาณความหวาน ที่เป็นบ่อเกิดของโรคภัยต่างๆ ลดลง
หน้า 36 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3,397 ระหว่างวันที่ 2-5 กันยายน 2561