เครื่องปรับอากาศ “ฟูจิตสึ” เดินเกมบุกตลาดเครื่องปรับอากาศเมืองไทยเต็มสูบ หลังดิสทริบิวเตอร์รายเก่าหมดสัญญา ส่งเครื่องปรับอากาศนอนอินเวอร์เตอร์เจาะตลาดรับความต้องการ พร้อมทุ่มงบกว่า 100 ล้าน สร้างกิจกรรมการตลาดครบวงจร วางเป้าสร้างยอดขายโต 5 เท่าตัวหรือ 1.5 พันล้านใน1ปี
[caption id="attachment_34859" align="aligncenter" width="354"]
เคนจิ ชิมิซุ
กรรมการ บริษัท ฟูจิตสึ เจเนรัล (ประเทศไทย) จำกัด[/caption]
นายเคนจิ ชิมิซุ กรรมการ บริษัท ฟูจิตสึ เจเนรัล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องปรับอากาศ “ฟูจิตสึ” เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัท เจ๊บเซ่น แอนด์ เจ๊สเซ่น มาร์เก็ตติ้ง (ที) จำกัด หมดสัญญาทำตลาดเครื่องปรับอากาศในประเทศไทย บริษัทจึงเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเอง มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 ซึ่งนโยบายการทำงานต่อจากนี้จะให้ความสำคัญกับการลงทุนและการทำตลาดในไทย รวมถึงการใช้ไทยเป็นฐานสำคัญในการส่งออกไปต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มประเทศตะวันออกกลางซึ่งถือเป็นตลาดหลัก หรือคิดเป็นสัดส่วน 25-30% ของการส่งออกทั้งหมด 98.5% และจำหน่ายในประเทศ 1.5%
“ไทยถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพและความสำคัญเป็นลำดับต้นๆ ของบริษัท โดยปีงบประมาณที่ผ่านมาได้ลงทุนเครื่องจักร เพื่อขยายกำลังการผลิตจาก 1.3 ล้านชุด เพิ่มเป็น 3 ล้านชุดในปัจจุบัน ภายใต้งบลงทุนประมาณ 15 ล้านบาท หรือ 50 ล้านเยน พร้อมกันนี้ได้ใช้งบ 632 ล้านบาท หรือ 2 พันล้านเยน จัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ในโรงงานที่แหลมฉบัง ซึ่งนับว่าเป็นแห่งที่ 2 รองจากในประเทศญี่ปุ่น”
ส่วนแผนรุกตลาด จะให้ความสำคัญกับกลุ่มเครื่องปรับอากาศระบบนอนอินเวอร์เตอร์ หรือรุ่นธรรมดา เพราะพบว่าสินค้ากลุ่มนี้เป็นที่ต้องการของตลาด หลังจากที่ทำตลาดเครื่องปรับอากาศอินเวอร์เตอร์มาก่อนหน้านี้ แต่ไม่ประสบความสำเร็จด้านยอดขาย ล่าสุดได้เปิดตัว 2 รุ่นใหม่ คือ eXcellence ระบบนอนอินเวอร์เตอร์ 5 รุ่น และ I Sense ระบบอินเวอร์เตอร์ 6 รุ่น ขนาด 8.9 พันบีทียู จนถึง 3.5 หมื่นบีทียู รวมกัน 11 รุ่นย่อย โดยจะทำราคาสินค้าให้สมเหตุผล รวมถึงคุณภาพของสินค้าเป็นจุดขาย นอกจากนี้ จะโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ อาทิ โทรทัศน์ และสื่อโซเชียลมีเดีย ภายใต้งบการตลาด 100 ล้านบาท รวมถึงจัดโปรโมชันร่วมกับร้านตัวแทนจำหน่าย 150 ราย แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 50 ราย และต่างจังหวัด 100 ราย
ขณะที่ยอดขายเครื่องปรับอากาศในประเทศในปีงบประมาณ 2558 (เม.ย.2558-มี.ค.2559) คาดว่าจะมียอดขายประมาณ 200-300 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขายในปีงบประมาณ 2559 (เม.ย.2559-มี.ค.2560) ว่าจะมีการเติบโตถึง 5 เท่า หรือคิดเป็น 1.5 พันล้านบาท มาจากการทำตลาดสินค้าที่ครอบคลุมทุกกลุ่ม โดยตั้งเป้าการเติบโตของส่วนแบ่งการตลาดแอร์ฟูจิตสึ นอนอินเวอร์เตอร์ว่า จะขึ้นเป็น 1 ใน 5 ของตลาด ด้วยส่วนแบ่งตลาดที่ 15% หรือมียอดขาย 5-6 หมื่นชุด
ส่วนภาพรวมตลาดเครื่องปรับอากาศของไทยปี 2558 มูลค่า 1.3 ล้านเครื่อง หรือราว 2 หมื่นล้านบาท คาดว่าตลาดรวมในปีนี้จะมีทิศทางการเติบโตที่ดีขึ้น เป็นผลมาจากสภาพอากาศที่ร้อนกว่าปกติ ซึ่งจะทำให้ยอดขายเครื่องปรับอากาศในช่วงหน้าร้อนปีนี้ของทุกแบรนด์มีการเติบโตเกิน 100% เช่นเดียวกับบริษัท
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,136 วันที่ 3 - 5 มีนาคม พ.ศ. 2559