“แอดวานซ์ เว็บ เซอร์วิส” มั่นใจปี 59 โตตามเป้าฯ พร้อมขยายไลน์ธุรกิจใหม่เต็มรูปแบบ รองรับการเติบโตของธุรกิจไอทีเมืองไทยที่มีการแข่งขันสูงขึ้น ชูนวัตกรรม “กะปุก ท็อปอัพ” ตู้เติมเงินโฉมใหม่ ทันสมัย โดดเด่นด้วยหน้าจอขนาดใหญ่และความเป็นอัจฉริยะที่สุดของตู้เติมเงิน เจ้าแรกเจ้าเดียวในเมืองไทย
นายธนัญชัย สมุหวิญญู กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริษัท แอดวานซ์ เว็บ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ผู้นำบริการธุรกรรมออนไลน์ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายตู้เติมเงิน“กะปุก” หรือ"กะปุกท็อปอัพ (KapookTopup)" เปิดเผยว่า ปี 2558 ที่ผ่านมาบริษัทฯประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ดันยอดขายโดยรวมเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 30% สืบเนื่องมาจากธุรกิจบริการออนไลน์ มีความสะดวก รวดเร็ว ทันสมัย ฯลฯ ด้วยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ และความแข็งแกร่ง พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด จึงทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจ อย่างไรก็ตามบริษัทฯก็ยังคงรุกตลาดอย่างต่อเนื่อง
พร้อมกันนี้ มีรายงานจากทางสภาพัฒน์เผยถึงสถานการณ์ภาพรวมของเศรษฐกิจในปีนี้ ว่าตัวเลข GDP ปี2558 มีการเติบโต 2.8% และคาดว่าปี 2559 GDP น่าจะเติบโต 3.3% ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ตอนแรกที่ 3.5% เศรษฐกิจโลกก็ยังคงผันผวนอีก1ปี เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจในประเทศแต่ก็ยังมีปัจจัยบวกเกี่ยวกับการเงินใน 7 มาตรการภาครัฐที่จะออกมาให้งบ 180,000 ล้านบาทในปีนี้เพื่อส่งเสริม SME ผ่านโครงการต่างๆ อาทิ โครงการประชารัฐดูแลเศรษฐกิจฐานราก การลงทุน ฯลฯ แต่ทั้งนี้โดยภาพรวมเศรษฐกิจก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจตู้เติมเงินมากนัก แต่กลับมองว่าเป็นโอกาสที่ดีที่คนส่วนใหญ่มองหาช่องทางรายได้เสริมมากขึ้นและเชื่อว่าปีนี้จะสามารถเติบโตในตัวเลขที่ใกล้เคียงกับปีที่แล้วคือ ประมาณ 25% ประกอบกับการมาของ4G ซึ่งจะช่วยให้คนใช้งานในส่วนของ dataมากขึ้น ส่งผลให้ยอดของการเติมเงินมากขึ้นด้วย
ดังนั้น ปี 2559 นี้บริษัทฯ จึงได้มองเห็นช่องทางการเติบโตของธุรกิจ พร้อมวางแผนและกลยุทธ์การตลาดอย่างเต็มรูปแบบ การบริการที่หลากหลายและกิจกรรมอีกมากมาย ทั้งการจัดโรดโชว์ สัมมนาให้ความรู้ เวิร์คชอป สินค้าใหม่ กิจกรรมซีเอสอาร์ ฯลฯ ทั้งนี้คาดว่าจะส่งผลให้บริษัทฯมีอัตราการเติบโตประมาณ 40%และปีนี้ได้ขยายไลน์ธุรกิจใหม่ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่บริษัทฯ รับจ้างผลิตตู้เติมเงินให้กับผู้ที่ต้องการผลิตตู้ของตนเอง และคาดว่าจะสร้างยอดขายพร้อมกับยอดเติมเงินโดยรวมให้กับการเติบโตมากขึ้น โดยยอดสั่งผลิตขั้นต่ำเริ่มต้นที่ 1,000 ตู้ขึ้นไป คาดว่าน่าจะมียอดรับจ้างการผลิตบางส่วนในปีนี้
นอกจากนี้ ผลประกอบการของบริษัทฯ ปี2558 ที่ผ่านมามียอดขายซึ่งแบ่งเป็นธุรกิจต่างๆ คือ 1.ธุรกิจเติมเงิน ออนไลน์ Siamtopup ยอดเติมเงิน ประมาณ800 ล้านบาท 2.ธุรกิจตู้เติมเงินกะปุกยอดขาย2,900ตู้จำนวนยอดเติมเงินประมาณ 495 ล้านบาท ยอดขายตู้เติบโตจากปี 2557 ที่ผ่านมา 670% ด้านยอดเติมเงินตู้กะปุกเติบโต57% จากปีที่ผ่านมา ปัจจุบันมีตู้เติมเงิน ตู้กะปุกทั้งหมดรวม 4,300 ตู้ และปีนี้ 2559 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น3,300 ตู้ หรือเพิ่มขึ้น 14%เทียบจากยอดขายปีที่ผ่านมา 3.ธุรกิจระบบเติมเงินสำหรับเชื่อมต่อตู้เติมเงินอื่นๆ หรือ Advancekiosk มียอดขาย 1,900 ตู้ และยอดเติมเงิน 320 ล้านบาท ยอดขายเติบโตจากปี 2557 คิดเป็น 68% และยอดค่าโทร เติบโต 400% จากปีที่ผ่านมาปัจจุบันมีตู้ที่ใช้ระบบ Advancekiosk รวม 4000 ตู้ และปีนี้ 2559 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2200 ตู้ หรือเพิ่มขึ้น 16% 4. ธุรกิจระบบเติมเงินออนไลน์ ระบบจองตั๋วออนไลน์ เติบโตประมาณ 10% ลูกค้าใช้บริการตู้เติมเงินเฉลี่ยยอดเติมเงินต่อเดือนเฉพาะตู้เติมเงินประมาณ 100 ล้านบาท เติบโต 148% จากปี2557 ที่ผ่านมาและมียอดตู้เติมเงินรวมทั้งหมดในระบบ 8,000 ตู้
โดยปี 2559นี้ ตั้งเป้าครึ่งปีแรกของตู้เติมเงินทั้งหมดเพิ่มขึ้นประมาณ 2,500 ตู้และครึ่งปีหลังเพิ่มขึ้นประมาณ 3,000 ตู้ คาดว่าสิ้นปีคาดว่าจะมีตู้เติมเงินในระบบทั้งสิ้นประมาณ 13,000 ตู้ และมียอดค่าโทรรวมในระบบ 2300 ล้านบาท เติบโตกว่า 40%
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ล่าสุดคือ ตู้กะปุกรุ่น KP4 โฉมใหม่ ทันสมัยโดยมีจุดเด่นด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ที่สุดในท้องตลาดของเมืองไทย ซึ่งตู้มีความอัจฉริยะรองรับอุปกรณ์ NFC และ RFID รองรับอุปกรณ์ฯที่ทำให้ลูกค้าไม่ต้องกดหมายเลขโทรศัพท์ สามารถสแกน แล้วเติมเงินได้เลย ทำให้มีความสะดวก รวดเร็วและลดความผิดพลาดได้อีกด้วยอีกทั้งจุดไฮไลต์สามารถเล่นไฟล์ VDO และ HDได้อย่างสวยงาม
เป็นนวัตกรรมตู้เติมเงินรายแรกของเมืองไทยที่รวมเอาเทคโนโลยีต่างๆ มารวมกันได้อย่างลงตัวทั้งนี้เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้ายุคใหม่ที่มีความทันสมัยที่ต้องการเติมเงินที่อำนวยความสะดวกสบายความรวดเร็วและถูกต้องแม่นยำ นอกจากนี้ยังมีแผนการติดตั้งตู้รุ่นใหม่นี้แห่งแรกที่ศูนย์การค้า
แพลตินั่ม จำนวน 10 เครื่องและตั้งเป้าฯการติดตั้งให้ได้1,000 ตู้ทั่วประเทศภายในปีนี้ ซึ่งน่าจะทำตลาดไม่ยากนักเพราะเรามองแล้วว่าเป็นตู้ฯที่มีความทันสมัยเอื้อประโยชน์การใช้งานได้มากกว่าตู้ฯแบบเดิมๆ
สำหรับแผนและกลยุทธ์การตลาดในปีนี้ คือ มุ่งเน้นการทำตลาดOnline marketingเป็นหลักประมาณ 60% อีกทั้งยังมีสื่อมีเดียอื่นๆ 40% อาทิ สื่อโทรทัศน์ วิทยุ สิ่งพิมพ์ ทั้งหนังสือพิมพ์ และนิตยสาร ออนไลน์ การออกบูธประชาสัมพันธ์ในงานต่างๆ เป็นต้น พร้อมทั้งการทำตลาดแบบสร้างสรรค์ควบคู่กับกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่องและครบวงจรทั้งการจัดโปรโมชั่น จับมือพันธมิตรทางการค้า รวมถึงกิจกรรม CSR อีกด้วย