“โก๋แก่” รีเฟรชแบรนด์ครั้งใหญ่ในรอบ 10 ปี ส่ง “เป๊ก-ผลิตโชค” นั่งพรีเซนเตอร์หวังปั้นเซ็กเมนต์ “ลันเตา” สู้ศึกตลาดสแน็ก 3.4 หมื่นล้าลั่นพร้อมโกยยอดขายทะลุหลักหมื่นล้าน และก้าวขึ้นเป็น “คิงออฟนัต” ภายใน 10 ปี
ต้องยอมรับว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาตลาดขนมขบเคี้ยวหรือสแน็กเมืองไทย ได้รับผล กระทบจากภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ซบเซา ส่งผลให้ตลาดเติบโตถดถอย โดยพบว่าในปี 2561 ตลาดมีการเติบโต 6% ส่งผลให้มีมูลค่ารวมราว 3.4 หมื่นล้านบาท จากข้อมูลเดอะ นีลเส็น คอมปะนี (ประเทศไทย) ยังบอกอีกว่า ตลาดที่เริ่มฟื้นตัวคือเซ็กเมนต์ มันฝรั่ง ขณะที่เซ็กเมนต์ถั่ว ซึ่งเติบโตเพียง 1% ใน 2 ปีที่ผ่านมาก็เริ่มส่งสัญญาณดีขึ้น
นายกฤษฎา รวยเจริญทรัพย์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงงานแม่รวย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย “โก๋แก่” เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า โก๋แก่เติบโตในอัตราส่วน 12-15% ต่อเนื่องทุกปี แม้ตลาดสแน็กในเซ็กเมนต์ถั่วจะเติบโตลดลง แต่เชื่อว่าในปีนี้จะกลับมาฟื้นตัว เพราะเป็นสแน็กที่มีประโยชน์ ทำให้บริษัทมองเห็นโอกาสในการทำตลาดต่อเนื่อง โดยในปีนี้บริษัทเตรียมรีเฟรชแบรนด์ “โก๋แก่” สู่ตลาดอีกครั้งในรอบ 10 ปี พร้อมผลักดันถั่วในเซ็กเมนต์ “ลันเตา” ออกมาทำตลาดมากขึ้น
“เป้าหมายคือต้องการปั้นให้ “โก๋แก่ลันเตา” เป็นเซมิแบรนด์ เซ็กเมนต์เทชัน ของโก๋แก่ เพราะที่ผ่านมาโก๋แก่มีผลิตภัณฑ์ถั่วประเภทต่างๆ มากมาย ทั้งถั่วเคลือบ ถั่วเปลือย และกลุ่มถั่วพรีเมียม ทั้งอัลมอนด์ พิสตาชิโอ ถั่วหิมพานต์ ฯลฯ ขณะที่ถั่วลันเตา เริ่มเป็นที่นิยมแพร่หลายมากขึ้น ทำให้มองเห็นโอกาส และเลือกขยายไลน์สินค้ากลุ่มนี้”
กฤษฎา รวยเจริญทรัพย์
โดยในปีนี้บริษัทจะใช้งบการตลาดรวม 100 ล้านบาทสำหรับทำตลาดสินค้าทุกประเภท โดย 20-30 ล้านบาทจะเป็นงบการตลาดสำหรับโก๋แก่ลันเตา ซึ่งมี “เป๊ก ผลิตโชค” เป็นพรีเซนเตอร์ พร้อมทำกิจกรรมการตลาดผ่านอะโบฟเดอะ ไลน์และบีโลว์ เดอะ ไลน์
ด้านการผลิต “กฤษฎา” บอกว่า ในปีที่ผ่านมาบริษัทใช้งบลงทุนราว 200 ล้านบาท ซื้อที่ดินและเครื่องจักรเพื่อขยายไลน์การผลิตถั่วลันเตาเพิ่มเติม ที่โรงงานย่านพระราม 2 เป็น 30 ล้านตันจากเดิมที่ผลิตได้ 25 ล้านตัน ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาและหาพันธมิตรในการตั้งโรงงานแห่งใหม่ในเวียดนาม เพื่อรองรับตลาดในอินโดไชน่า เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบลงทุนราว 40 ล้านบาท (ไม่รวมค่าที่ดิน) คาดว่าจะสามารถสรุปได้ในครึ่งปีหลังนี้ นอกจากนี้ยังมีแผนตั้งโรงงานผลิตในรูปแบบ OEM ในประเทศไต้หวัน เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ และที่ผ่านมาต้องเจอปัญหาภาษีที่สูงจากผลิตภัณฑ์แปรรูปสินค้าเกษตร ทำให้มีราคาสูง ไม่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งกันได้ โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในกลางปีนี้ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยผลักดันให้ตลาดส่งออกมีการเติบโตกว่า 10%
“ปัจจุบันโก๋แก่ เป็นผู้นำตลาดในเซ็กเมนต์ถั่ว ด้วยส่วนแบ่งตลาดกว่า 50% และในปีนี้จะเห็นโมเดลธุรกิจใหม่ของโก๋แก่ คือ คีออส จำหน่ายสินค้าประเภทเฟรช สแน็ก (Fresh Snack) อาทิ ไอศกรีมถั่ว นํ้านมถั่ว เค้กสอดไส้ (ปังโก๋) โดยตั้งเป้าปีแรกจะเปิดให้บริการ 2 แห่ง โดยสาขาแรกจะเปิดให้บริการในเดือนเมษายนนี้เพื่อเป็นการทดลองตลาด”
สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปีนี้คาดว่าจะมีรายได้รวม 3,000 ล้านบาทเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 2,600 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากในประเทศ 80% และส่งออก 20% โดยปีนี้ตั้งเป้าหมายที่จะเติบโต 10-12% และตั้งเป้าหมายที่จะมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 1 หมื่นล้านบาทพร้อมกับก้าวขึ้นเป็น “คิง ออฟ นัต” ภายในระยะเวลา 10 ปี
หน้า 30 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3449 ระหว่างวันที่ 3 - 6 มีนาคม 2562