'เลย์' ทุ่มงบ 80 ล้านบาท ส่งนวัตกรรมใหม่ 'เลย์ คูลลิ่ง' มันฝรั่งให้ความ 'เย็น

29 มี.ค. 2562 | 02:25 น.
อัปเดตล่าสุด :29 มี.ค. 2562 | 09:56 น.

'เลย์' ทุ่มงบ 80 ล้านบาท  ส่งนวัตกรรมใหม่ 'เลย์ คูลลิ่ง' มันฝรั่งให้ความเย็น หวังตอกย้ำขึ้นเป็นผู้นำในตลาด  เผยข้อมูลมันฝรั่งทอดกรอบโตสูงสุดในกลุ่มอุตสาหกรรมขนมขบเคี้ยวกว่า 1.24 หมื่นล้านบาท

\'เลย์\' ทุ่มงบ 80 ล้านบาท  ส่งนวัตกรรมใหม่ \'เลย์ คูลลิ่ง\' มันฝรั่งให้ความ \'เย็น

 

นางขนิษฐา ทวีผล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ผลิตภัณฑ์เลย์ บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า ปีนี้บริษัทได้เตรียมงบด้านการตลาด เลย์ กว่า80 ล้านบาทเพื่อโปรโมตสินค้าใหม่อย่าง เลย์ คูลลิ่ง ซึ่งมี 2 รสชาติ คือเลย์ คูลลิ่ง กลิ่นเมล่อนบิงซู และ เลย์ คูลลิ่ง ไอซ์ซี่เลม่อน เพื่อผลักดันให้ตลาดเติบโตต่อเนื่องในช่วงไตรมาสที่สอง ผ่านการใช้สื่อและกิจกรรมการตลาดแบบครบวงจร โดยคว้าซุปตาร์สาวสุดคูลที่มีภาพลักษณ์ผู้นำเทรนด์อย่าง ใหม่  ดาวิกา โฮร์เน่ มาร่วมเป็นพรีเซ็นเตอร์

\'เลย์\' ทุ่มงบ 80 ล้านบาท  ส่งนวัตกรรมใหม่ \'เลย์ คูลลิ่ง\' มันฝรั่งให้ความ \'เย็น

สำหรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เลย์ในรสชาติใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องนั้น เป็นไปตามทิศทางการดำเนินธุรกิจและแบรนด์โพสิชันนิ่งของเลย์ที่ว่า เพราะชีวิตต้องมีรสชาติ (Life Needs FlavorTM) ซึ่งได้ประกาศใช้พร้อมกันทั่วโลกนับตั้งแต่กลางปี 2560 เพื่อตอกย้ำตำแหน่งแบรนด์ผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดมันฝรั่งทอดกรอบที่สามารถครองใจผู้บริโภคทั่วโลก

 

“ในช่วงหน้าร้อนซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งไฮซีซั่นของตลาดขนมขบเคี้ยว เลย์ เตรียมสร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้กับวงการขนมขบเคี้ยวในประเทศไทยด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์นวัตกรรมล่าสุด เลย์ คูลลิ่ง (Lay’s Cooling) เพื่อต้อนรับซัมเมอร์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของมันฝรั่งทอดกรอบที่ให้ความเย็นสดชื่นด้วยเทคโนโลยี Cooling Sensation ซึ่งถือเป็นสูตรลับของเลย์ที่ใช้เวลาคิดค้นและพัฒนามานานกว่า 1 ปี”

\'เลย์\' ทุ่มงบ 80 ล้านบาท  ส่งนวัตกรรมใหม่ \'เลย์ คูลลิ่ง\' มันฝรั่งให้ความ \'เย็น

สำหรับในปี 2562 นี้ ตลาดขนมขบเคี้ยวมีมูลค่ารวม 38,457 ล้าน  และยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 8.1%  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตลาดมันฝรั่งทอดกรอบซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 12,499 ล้านบาท  ถือเป็นเซ็กเม็นต์ที่มีการเติบโตสูงที่สุดด้วยอัตรา 14.3%  รองลงมาคือ ปลาเส้นและถั่ว ซึ่งมีการเติบโตที่ 10.5% และ 6.8% ตามลำดับ