“เอ็นคอนเส็ปท์” เปิด 5 นโยบายบุกตลาดโรงเรียนกวดวิชา หลังภาพรวมตลาดหดตัว 30% พร้อมทุ่ม 100 ล้านบาท วางยุทธศาสตร์การเรียนการสอนทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ก่อนสยายปีกฟอร์แมตใหม่เจาะเมืองรองเพิ่ม 5 สาขา
นายธานินทร์ เอื้ออภิธร กรรมการผู้จัดการ LearnBalance Group และผู้บริหารสถาบันการศึกษาภาษาอังกฤษ Enconcept E-Academy เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า นโยบายการดำเนินงานของสถาบันในปีนี้จะให้ความสำคัญกับการวางยุทธศาสตร์ด้านการเรียนการสอนใน 5 ส่วนหลักได้แก่ 1.เน้นการเรียนการสอนในการสอบเข้าภาคอินเตอร์มากขึ้น เนื่องจากกำลังเป็นที่นิยมสำหรับนักเรียนรุ่นใหม่ 2.เน้นตลาดออนไลน์ ที่สถาบันเป็นผู้นำเบอร์ 1 มาเพิ่มประสิทธิภาพด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มการเรียนการสอนในช่องทางดังกล่าวให้สามารถสื่อสารกับผู้เรียน เช็กจำนวนการเข้าเรียน ในการเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนให้ผู้เรียนเพิ่มขึ้น 3.เน้นหลักสูตรเพื่อสอบเข้าคณะเฉพาะทางมากขึ้น 4.การปรับตัวรับการสอบ TCAS ซึ่งเป็นการสอบเข้ามหาวิทยาลัยระบบใหม่ เพื่อให้ทันต่อกฎเกณฑ์และสร้างโอกาสในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้แก่นักเรียน 5.การปรับตัวให้เข้ากับทิศทางการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป จากในอดีตที่การเมืองไม่ได้มีบทบาทกำหนดทิศทางการศึกษามากนัก
ธานินทร์ เอื้ออภิธร
“จุดแข็งที่ทำให้สถาบันกวดวิชาสามารถแข่งขันได้ในยุคนี้คือเรื่องของติวเตอร์ คอนเทนต์การเรียนการสอนที่รอบด้าน มีประสิทธิภาพ ซึ่งแน่นอนว่ายักษ์ใหญ่ในตลาดเบอร์ 1 และ 2 ยังสามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง ขณะที่สถาบันที่ ปิดตัวไปส่วนใหญ่เป็นผู้เล่นลำดับ 3 เป็นต้นไป”
ขณะเดียวกันยังได้ใช้งบประมาณการลงทุนในทุกแผนงานราว 100 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมาที่ใช้ 50 ล้านบาท ในการวางระบบไอทีและออนไลน์ เพื่อวางยุทธศาสตร์ด้านการเรียนการสอนอย่างรอบด้าน ทั้งในแง่ของหลักสูตรทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อสร้างแนวทางการศึกษาและระบบให้ทันต่อความต้องการในที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทต่อการศึกษามากขึ้น พร้อมกันนี้ยังมีแผนขยายสาขา Enconcept E-Academy เพิ่มอีก 5 สาขา โดยจะเป็นฟอร์แมตใหม่ในเขตเมืองรองและระดับอำเภอ จากปัจจุบันที่มีอยู่ 41 สาขา ซึ่งครอบคลุมในทุกเขตเมืองหลักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ต้องยอมรับว่าการเข้ามาของเทคโนโลยีมีผลต่อการเรียนการสอนในสถาบันกวดวิชาเป็นอย่างมาก ซึ่งหากสถาบันไม่มีการปรับปรุงและพัฒนาแน่นอนว่าย่อมถูกดิสรัปต์ได้ง่ายมาก ซึ่งผู้เรียนทั่วไปเริ่มให้ความสนใจในการเรียนผ่านออนไลน์ โดยเฉพาะในหลักสูตรตามยูทูบ เฟซบุ๊กต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่าการเรียนดังกล่าวเห็นผลสัมฤทธิ์น้อยอยู่ที่ราว 5-10% เนื่องจากผู้เรียนไม่มีการตามประเมินผล ขณะที่ในส่วนของหลักสูตรออนไลน์ที่ทางสถาบันพัฒนาขึ้นมามีการติดตามผลการเรียนอย่างใกล้ชิดผ่านระบบที่ได้มีการวางไว้ทำให้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงถึง 80% ซึ่งใกล้เคียงกับการเรียนการสอนในห้องเรียน และนั่นเองคือจุดเด่นและสิ่งที่สถาบันเป็นผู้นำมาโดยตลอด”
อย่างไรก็ตามทางสถาบันมั่นใจว่าจากการวางยุทธศาสตร์การเรียนการสอนแบบรอบด้านจะสามารถผลักดันให้ภาพรวมของสถาบันมีการเติบโตทรงตัวจากปีที่ผ่านมา ที่ปิดรายได้ 500 ล้านบาท โดยในส่วนของหลักสูตรออนไลน์ของสถาบันมีการเติบโตสูงถึง 30% เพิ่มจากปีที่ผ่านมาที่เติบโต 20% หรือคิดเป็นยอดขายกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งแม้ปัจจุบันภาพรวมตลาดสถาบันกวดวิชาจะลดลง 20-30% ในปีที่ผ่านมา แต่ว่าทางสถาบันยังไม่ได้รับผลกระทบเนื่องจากมีการปรับหลักสูตร พัฒนาแผนการเรียนการสอนแบบรอบด้านเพื่อรองรับ
หน้า 32 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3468 ระหว่างวันที่ 9-11 พฤษภาคม 2562