ผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุนัขและแมวแบรนด์ NOS ลุยขยายตลาดต่างประเทศ เล็งรุกคืบไต้หวันหลังผลวิจัยพบมีการเลี้ยงแมวมากขึ้น เผยกำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามพฤติกรรมสัตว์ตอบสนองความต้องการของตลาด เชื่อรายได้ปีนี้แตะหลักล้านบาท
สพญ.อัจฉราณี ธรรมวินทร เจ้าของธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ขนมสุนัขและแมว แบรนด์ “NOS” เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า หลังจากที่เริ่มทำธุรกิจและออกผลิตภัณฑ์เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนของปีที่ผ่านมา โดยได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาด ในปีนี้บริษัทจึงดำเนินการต่อยอดผลิตภัณฑ์ และขยายตลาดเพื่อสร้างรายได้ ซึ่งในส่วนของขนมแมวนั้น บริษัทจะมีการขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศ โดยมองไว้ที่ประเทศไต้หวัน ซึ่งบริษัทได้โอกาสให้ไปออกงานแสดงสินค้าในช่วงปลายปี
“ก่อนที่เราจะมีการขยายตลาด เราได้มีการศึกษาหาข้อมูลอย่างรอบคอบประกอบการพิจารณาโดยพบว่าที่ไต้หวันประชาชนนิยมเลี้ยงแมวกันเป็นจำนวนมาก และมีแนวโน้มของการเติบโตในระดับที่สูง อีกทั้งวงจรชีวิตของแมวก็มีอัตราการเกิดที่รวดเร็วกว่าสุนัขด้วย บริษัทจึงเลือกที่จะนำขนมแมวเข้าไปทำตลาด เพราะมองเห็นโอกาส”
สพญ.อัจฉราณี ธรรมวินทร
ด้านขนมสุนัขพันธุ์เล็กที่นํ้าหนักไม่เกิน 10 กิโลกรัม บริษัทจะมีการขยายตลาดไปไต้หวันด้วยเช่นเดียวกัน เนื่องจากเป็นสัตว์เลี้ยงอีกประเภทหนึ่งที่กำลังเติบโต แม้ว่าจะไม่ได้เติบโตเร็วมากอย่างแมว แต่ก็ต้องถือว่าเป็นตลาดที่น่าสนใจ โดยจุดเด่นที่จะสามารถช่วยทำให้แบรนด์เข้าไปเจาะตลาดได้ จะมาจากการให้ความรู้ทางวิชาการที่น่าเชื่อถือกับผู้ซื้อว่าขนมแมวมีความสำคัญอย่างไร สามารถช่วยต่อต้านการติดเชื้อไวรัสหวัดได้อย่างไร ด้วยความรู้ความเชี่ยวชาญจากการเป็นสัตวแพทย์โดยตรง
อย่างไรก็ตามในส่วนของขนมสุนัขพันธุ์เล็กนั้น บริษัทยังกำลังอยู่ในขั้นตอนของการวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อต่อยอดผลิตภัณฑ์ให้สุนัขพันธุ์ดังกล่าวสามารถรับประทานได้ง่ายมากขึ้น หลังจากนั้นก็จะขยายตลาดภายในประเทศให้ครอบคุลมมากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะสามารถทำตลาดได้ภายในปีนี้ เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์สำหรับสุนัขพันธุ์ใหญ่ที่มีนํ้าหนัก 20 กิโลกรัมขึ้นไป ซึ่งบริษัทกำลัง R&D เพื่อเพิ่มลูกเล่นของขนมให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นพร้อมกับสารอาหาร โดยคำนึงถึงไลฟ์สไตล์ของสุนัขเป็นสำคัญ
สพญ.อัจฉราณี กล่าวต่อไปอีกว่าจากกลยุทธ์ในการทำตลาดดังกล่าวเชื่อว่าจะทำรายได้ของแบรนด์ปีนี้เติบโตขึ้นเกินหลักล้านบาท แม้ว่าแบรนด์จะเพิ่งเริ่มทำตลาดก็ตาม หลังจากนั้นก็จะเติบโตเพิ่มมากขึ้นตามแผนการทำตลาดที่วางไว้อย่างเป็นขั้นตอนในระยะต่อไป โดยจุดเด่นที่สำคัญของแบรนด์อยู่ที่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์ และประสบการณ์ทางด้านการรักษาจากสถานการณ์จริง ทำให้มีความเข้าใจในพฤติกรรมตามธรรมชาติของสุนัขและแมว
“ความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านสัตวแพทย์ทำให้แบรนด์รู้ว่าจะต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างไร หรือใส่สารอาหารปริมาณเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอให้ตอบโจทย์ความต้องการของปัญหาในสุนัข และแมวได้มากที่สุด ยกตัวอย่างเช่น สุนัขพันธุ์ใหญ่จะมีปัญหาเรื่องข้อและสะโพก ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์จึงเพิ่มสารอาหารที่มีสรรพคุณเกี่ยวกับเรื่อง ดังกล่าวเข้าไปในปริมาณที่เพียงพอ เป็นต้น”
สำหรับผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ NOS ในปัจจุบันจะประกอบไปด้วย 1.Chewing gum ซึ่งเป็นขนมที่มีส่วนประกอบที่ช่วยลดคราบจุลินทรีย์ และเคลือบฟันซึ่งเหมาะสำหรับสุนัขพันธุ์เล็กที่มีนํ้าหนักไม่เกิน 10 กิโลกรัม, 2.Licking Health โดยจะเป็นขนมที่มีส่วนประกอบที่ช่วยเพิ่มความสามารถของแมวในการต่อต้านการติดเชื้อไวรัสหวัด (herpes virus) และยังมีส่วนประกอบที่ช่วยเสริมความสมดุลของประชากรแบคทีเรียในลำไส้ของแมว และ3.Funning Joint ซึ่งเป็นขนมที่มีส่วนประกอบที่ช่วยบำรุงข้อ เหมาะกับสุนัขใหญ่ที่มีนํ้าหนักเกิน 20 กิโลกรัมขึ้นไป
“ช่องทางการทำตลาดเดิมของแบรนด์จะอยู่ที่โรงพยาบาลสัตว์ที่ตนเองทำงานประจำยู่ และร้านจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยง (Pet Shop) ระดับไฮเอนด์ ซึ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของแบรนด์จะเป็นกลุ่มที่มีรายได้ระดับกลางไปจนถึงระดับสูง”
หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,472 วันที่ 23 - 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2562