“สยามเฮลท์ กรุ๊ป” ทุ่ม 240 ล้าน ปิดดีลซื้อเชนร้านขายยาดัง “P&F” พร้อมอัดเงินอีกกว่า 1,240 ล้านรีแบรนด์ - ปูพรม 800 สาขาทั่วประเทศ มั่นใจขึ้นเบอร์ 1 ใน 3-4 ปี ก่อนเดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
ภก.ดร.แสงสุข พิทยานุกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามเฮลท์ กรุ๊ป จำกัด เภสัชกร ผู้ผลิตและปลุกปั้นเวชสำอาง “สมูท-อี” (Smooth-E) และผลิตภัณฑ์สำหรับช่องปาก “เดนทิสเต้” (Dentiste) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า บริษัททุ่มเงิน ลงทุน 240 ล้านบาทเข้าซื้อกิจการร้านขายยา P&F ซึ่งเปิดให้บริการมานานกว่า 35 ปี มีสาขารวม 75 แห่งทั่วประเทศ เพื่อรุกขยายธุรกิจร้านขายยาต่อไป พร้อมกันนี้จะใช้เงินลงทุนอีก 240 ล้านบาทในการรีแบรนด์และโลโก พร้อมกับขยายสาขาให้ครบ 120 แห่งในปีนี้ ก่อนที่จะใช้เงินอีกราว 1,000 ล้านบาทในการขยายสาขาทั้งในรูปแบบสแตนด์อะโลน และในห้างสรรพสินค้าให้ครบ 800 แห่งภายใน 1-3 ปี ภายใต้วิสัยทัศน์ “1 จังหวัด 1 ร้านขายยา” และ “1 อำเภอ 1 ร้านขายยา”
ภก.ดร.แสงสุข พิทยานุกุล
“ปัจจุบันตลาดร้านขายยามีการแข่งขันสูงมาก ทั้งการลดราคาสินค้า ลดการจ้างเภสัชกร ส่งผลให้คุณภาพในร้านขายยาลดลงตามด้วย อย่างไรก็ดีการรุกธุรกิจเข้าสู่ร้านสุขภาพและความงามซึ่งมีมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาทในครั้งนี้ ถือเป็นการเดินหน้าธุรกิจครั้งใหญ่ในรอบ 30 ปีของสยามเฮลท์ กรุ๊ป ซึ่งด้วยประสบ การณ์และศักยภาพของบริษัท ทำให้เชื่อว่าธุรกิจร้านขายยายังสามารถเติบโตได้อีก ด้วยการทำตลาดแนวใหม่”
สำหรับแผนการทำตลาดนอกจากรีแบรนดิ้ง การปรับโลโกแล้ว ยังลงทุนด้านบุคลากร โดยจัดอบรมบุคลากรให้มีความรู้เรื่องยาและการบริการ การลงทุนด้านระบบสมาชิก (Membership) วางระบบคอมพิวเตอร์บันทึกข้อมูลส่วนตัวเบื้องต้นของลูกค้า ประวัติการใช้ยา การแพ้ยา โรคประจำตัว ซึ่งในอนาคตจะเชื่อมต่อข้อมูลกับโรงพยาบาลและระบบประกันสุขภาพต่างๆ นอกจากนี้จะเพิ่มบริการคลินิกแพทย์เพื่อให้ผู้บริโภคเข้ามาตรวจและได้รับคำปรึกษาโดยตรงจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และส่งเสริมให้ร้านขายยาที่มีคุณภาพเป็นทางเลือกที่ดีของผู้บริโภค รวมทั้งเพิ่มบริการให้คำปรึกษาออนไลน์ 24 ชั่วโมง จากเภสัชกรโดยตรง นอกจากนี้ยังมีแผนร่วมทุนจับมือกับนักลงทุนต่างชาติ เพื่อขยายและเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการจำหน่ายผ่านระบบออนไลน์ เจาะกลุ่มผู้บริโภคแต่ละประเภท แต่ละโรคเฉพาะเจาะจงมากขึ้น
ภก.ดร.แสงสุข กล่าวอีกว่า ผลประกอบการของบริษัทในปีที่ผ่านมามีการเติบโต 10% และในปีนี้คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 10% หลังจากที่เข้าซื้อกิจการของร้านขายยา P&F แล้วและผลักดันให้ร้านขายยา P&F ขึ้นเป็นผู้นำตลาดในอีก 3-4 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่มีอันดับ 1 ในท็อป 5 ของธุรกิจ และบริษัทมีแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในอีก 4 ปีข้างหน้า ขณะที่ภาพรวมตลาดร้านขายยามีอัตราเติบโตเฉลี่ยปีละ 10% โดยตลาดร้านขายยาคิดเป็นสัดส่วน 20% ของตลาดยาทั้งระบบ และมีแนวโน้มเติบโตได้อีกมาก เพราะถือเป็นทางเลือกที่ประชาชนสามารถใช้บริการเมื่อมีอาการเจ็บป่วยเบื้องต้น ราคายาและสินค้าทางการแพทย์ถูกกว่าการใช้บริการในโรงพยาบาลเอกชน บวกกับเทรนด์การรักษาสุขภาพ ของคนรุ่นใหม่ที่นิยมเลือกซื้ออาหารเสริมประเภทต่างๆ เพื่อดูแล สุขภาพและเสริมความงามด้วย
อนึ่ง ข้อมูลจากหน่วยงานบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข คาดการณ์จำนวนร้านขายยาทั่วประเทศ มีมากกว่า 22,000 -23,000 แห่ง ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพฯ 30% และต่างจังหวัด 70% แบ่งเป็น ร้านขายยาเดี่ยว (Standalone)ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ประกอบการเป็นรายกลางและเล็ก (SMEs) มีสัดส่วนกว่า 80% ของจำนวนร้านขายยาแผนปัจจุบันทั้งหมด และร้านขายยาของผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีสาขา(Chain store) ทั้งในรูปแบบของการลงทุนเองและการขยายธุรกิจในรูปของแฟรนไชส์(Franchise)
หน้า 32 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3473 ระหว่างวันที่ 26-29 พฤษภาคม 2562