คนไทยอ่วม! นํ้าอัดลม นมข้นหวาน เฮลซ์บลูบอย ขึ้นราคารับภาษีนํ้าหวาน หลังโค้ก-เป๊ปซี่ ซุ่มปรับ 2 บาทตั้งแต่ 1 ก.ค. ขณะที่เฮลซ์บลูบอยจ่อขึ้นขวดละ 10 บาท จับตาคิวต่อไปชาเขียว ชูกำลัง กาแฟกระป๋อง ฯลฯ
ทันทีที่กรมสรรพสามิต ประกาศจัดเก็บอัตราภาษีความหวานหรือภาษีนํ้าหวานในเครื่องดื่มทุกชนิดเพิ่มขึ้นตามกฎหมายใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 ปรากฏว่า 2 นํ้าอัดลมยักษ์ใหญ่อย่าง “เป๊ปซี่และโค้ก” ต่างชิงขยับราคาขึ้น 2-3 บาทไปล่วงหน้าแล้ว ล่าสุด “ฐานเศรษฐกิจ” ลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า สินค้าหลายประเภทที่มีปริมาณความหวานสูง ต่างเตรียมขยับราคาขึ้นถ้วนหน้า ส่งผลกระทบต่อต้นทุนร้านค้าต่างๆ ทั้งร้านรถเข็นขายเครื่องดื่ม ร้านห้องแถว ยันร้านอาหารดัง ทำให้พ่อค้า-แม่ค้าต้องปรับราคาขึ้นตาม และผู้ที่ต้องแบกรับก็คือผู้บริโภคนั่นเอง
ร้านค้าส่งรายใหญ่ ย่านรังสิต ตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมข้นหวาน นมข้นจืด เครื่องดื่ม ฯลฯ ให้กับแบรนด์ชั้นนำอาทิ F&N , เฮลซ์
บลูบอย เป็นต้น เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า นอกจาก นํ้าอัดลมที่ปรับราคาขึ้นแล้ว พบว่าสินค้าหลายชนิดเตรียมปรับราคาขึ้นทันที ตามอัตราการจัดเก็บภาษีความหวานใหม่ของกรมสรรพสามิต รวมทั้งวางแผนรับมือกับต้นทุนที่จะเพิ่มขึ้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ “เฮลซ์บลูบอย” ที่แจ้งยกเลิกการให้เครดิตส่วนลดสำหรับดีลเลอร์รายใหญ่ 2% ตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
รวมทั้งเตรียมปรับราคาขายส่งเฮลซ์บลูบอยขึ้น 100 บาทต่อลัง (12 ขวด) จากปกติราคาลังละ 510 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 610 บาท เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 ส่งผลให้ราคาขายปรับขึ้นทันที 10 บาทต่อขวด จากเดิมที่ขายส่งราคา 43 บาทต่อขวด เพิ่มขึ้นเป็น 53 บาทต่อขวด
ด้านร้านยี่ปั๊ว รายใหญ่ในย่านท่าเรือ กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ทางร้านได้มีการปรับขึ้นราคาสินค้าในกลุ่มเครื่องดื่มอัดลมจริง ตามที่สายส่งกำหนดมาให้ อาทิ โค้ก ขนาด 430 มล. ราคาเดิม 250 บาท/แพ็ก ราคาใหม่ 280 บาท/แพ็ก ราคาขวดละ 12 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 15 บาท ขนาด 330 มล. ราคาเดิม 128 บาท/แพ็ก ราคาใหม่ 144 บาท/แพ็ก เป็นต้น และในส่วนของแบรนด์เฮลซ์บลูบอยได้รับแจ้งปรับขึ้นราคาในช่วงเดือนตุลาคมแล้วเช่นกัน
ทั้งนี้จากการสำรวจพื้นที่ร้านค้าย่อยของผู้สื่อข่าวในย่านวัชรพล และคลองเตย พบว่า ร้านค้าทั้งหมดได้ปรับขึ้นราคาเครื่องดื่มนํ้าอัดลมแล้วเฉลี่ยตั้งแต่ 2-3 บาทต่อขวดตั้งแต่ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา หรือจากเดิมที่ขายราคา 12 บาท ปรับเพิ่มเป็น 15 บาทต่อขวด โดยสายส่งเครื่องดื่มแบรนด์ต่างๆ เริ่มทยอยแจ้งทางร้านมาในแบบเดียวกันว่าภายในเดือนหน้าจะมีการปรับขึ้นราคาเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของนํ้าตาลทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ชาเขียว กาแฟกระป๋อง ชูกำลัง นํ้าหวานแบรนด์ต่างๆ จะมีการปรับขึ้นราคาทั้งหมด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการโดยเฉพาะพ่อค้า-แม่ค้า ทั้งรถเข็นขายนํ้า ขายกาแฟ ยันร้านอาหาร ร้านกาแฟที่ต้องปรับราคาขึ้นตามไปด้วย
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดบริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ SPBT ผู้ผลิตและจำหน่ายนํ้าอัดลมเป๊ปซี่ ได้ออกแถลงการณ์ โดยระบุว่า บริษัทได้ปรับราคาเครื่องดื่มเป๊ปซี่ขึ้นใน 3 ขนาด ได้แก่ เครื่องดื่มเป๊ปซี่ ขนาด 345 มิลลิลิตร เป็นราคา 12 บาท ขนาด 430 มิลลิลิตร เป็นราคา 15 บาท และขนาด 640 มิลลิลิตร เป็นราคา 17 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์การกำหนดราคาสินค้าของบริษัท โดยกลยุทธ์นี้จะรวมถึงการเปิดตัวสินค้าขนาดใหม่ และการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าให้เหมาะสมตามกลไกของตลาด โดยจะมีการติดตามภาวะตลาดและพิจารณาปัจจัยต่างๆ ในการกำหนดราคาและขนาดของสินค้า ในการปรับราคาสินค้าครั้งนี้ บริษัทได้ปรับราคาสินค้าบางรายการเพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปตามกลยุทธ์การเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
ด้านนายประโยชน์ เพ็ญสุต รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การปรับขึ้นราคาของเครื่องดื่มนํ้าอัดลมไม่ต้องขออนุมัติจากกรมการค้าภายใน เพียงแต่ผู้ประกอบการต้องแจ้งการปรับขึ้นราคาและเหตุผลการปรับให้รับทราบเท่านั้น เพราะสินค้าประเภทนี้ไม่ใช่สินค้าควบคุม แต่อยู่ในบัญชีสินค้าที่ต้องติดตามเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม หากตรวจพบว่าร้านค้ามีการกักตุน และปฏิเสธการจำหน่าย ถือว่ามีความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 มีโทษปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยเบื้องต้นทราบว่าสินค้าไม่ขาดตลาด ยังมีจำหน่ายตามปกติ แต่หากประชาชนพบสิ่งผิดปกติสามารถแจ้งสายด่วน 1569 ได้
หน้า 1 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,490 วันที่ 25 - 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2562